กรธ.คงหลักเดิม รมต.ควบ ส.ส.ได้ ก่อนลุยถก ม.188 ปัดห้ามเครือญาติ ส.ว.ลงสมัคร ส.ส. แต่หากได้รับเลือก ส.ว.เครือญาติต้องไขก๊อก พร้อมยึดคำวินิจฉัยศาล ผัวเมียหย่ากันแค่นิตินัยต้องพ้นสภาพด้วย รองเลขาฯ ปชป.กังขา กรธ.ให้เลือกใบเดียว 2 ระบบ จงใจหนุนโกงเลือกตั้งหรือไม่ พร้อมเรียกร้อง 2 ใบ 2 ระบบ เหตุบางคนเลือกพรรคไม่เลือกคน
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่โรงแรมเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟคลับ ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา เป็นวันที่ 5 โดย กรธ.ได้พิจารณาจบเนื้อหาหมวดที่ 8 ว่าด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยยังคงยืนหลักการเดิมคือผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสามารถเป็น ส.ส.ได้โดยไม่ต้องลาออก และมีคุณสมบัติอื่นๆ เหมือนเช่น ส.ส. และจะพิจารณาต่อในเรื่องขององค์กรอิสระและศาลต่อไป เริ่มที่มาตรา 188
ทั้งนี้ นายมีชัยกล่าวปฏิเสธว่า กรธ.ไม่ได้ห้ามเครือญาติที่เป็น ส.ว.ซึ่งประกอบด้วยคู่สมรส บุตร บุพการีเป็น ส.ว.อยู่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หรือดำรงตำแหน่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการการเมือง กรรมการองค์กรอิสระ สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น แต่ถ้าปรากฎว่าภายหลังบุคคลนั้นได้เป็นส.ส.และตำแหน่งดังกล่าวอื่นๆ ส.ว.ที่เป็นเครือญาติของผู้ได้ตำแหน่งก็จะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติพ้นจากการเป็น ส.ว.ทันที ส่วนกรณีสามีภรรยาที่หย่าจากกันเพื่อมาลงสมัคร ถือว่าต้องพ้นสภาพ เรื่องนี้เคยมีคำวินิจฉัยของศาลแล้ว ว่าเมื่อปรากฏว่าสามีภรรยาหย่าขาดจากกัน แต่ยังอยู่ด้วยกันแบบคู่สมรส ก็ถือว่าต้องพ้นสภาพด้วย แต่ถ้าใครสงสัยอะไร ก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติได้ ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติของ ส.ว.เข้มขึ้นเพื่อไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อาณัติทางการเมืองของ ส.ส. ส่วนการตรวจสอบองค์กรอิสระในส่วนเรื่องทุจริตนั้น ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบองค์กรอิสระ ถ้าองค์กรอิสระทำผิดจริยธรรมก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ถ้า ป.ป.ช.กระทำผิดเองขอให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด.
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยังติดใจในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ กรธ. ยืนยันว่าจะต้องใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวซึ่งขัดกับข้อเท็จจริงในการใช้สิทธิลงคะแนนของประชาชน เพราะ กรธ.กำหนดให้มี ส.ส.2 ระบบ คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หาก กรธ.ยืนยันจะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวก็ควรกำหนดให้มีแต่ ส.ส.เขตเท่านั้น แต่ถ้าจะให้มี ส.ส.2 ระบบก็ต้องแยกใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ดังนั้น กรธ.อย่าปักธงในการเขียนรัฐธรรมนูญแต่มีผลลักลั่นในทางปฏิบัติ เพราะการใช้บัตรใบเดียวจะทำให้การตัดสินใจของประชาชนลำบาก เข้าทำนองรักพี่เสียดายน้อง
“ยกตัวอย่างรูปธรรมชัดๆ เช่น การเลือกตั้งปี 2554 จ.ชัยนาท ที่พรรคภูมิใจไทยส่งนางพรทิวา นาคาศัย ผู้สมัครได้รับคะแนน 38,924 คะแนน ขณะที่คะแนนของพรรคภูมิใจไทยได้เพียง 9,758 คะแนนเท่านั้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ส่งนายสนั่น ทองปาน ได้คะแนน 17,177 คะแนน แต่ได้คะแนนพรรค 34,809 คะแนน หาก กรธ.ยังยืนยันจะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวแล้ว ถามว่าประชาชนจะเลือก ส.ส.2 ระบบได้อย่างไรกับบัตรเลือกตั้งใบเดียว เพราะไม่สะท้อนต่อความต้องการของประชาชนเจ้าของสิทธิ์ที่แท้จริงในการลงคะแนนเลือกตั้ง เนื่องจากบางคนเลือกพรรค ไม่เลือกคน บางคนเลือกคนแต่ไม่เลือกพรรค ซ้ำจะยังสร้างปัญหาเพิ่มต่อ กกต. และสนับสนุนต่อวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยคือ จะมีการซื้อสิทธิขายเสียงอย่างมโหราฬเพราะซื้อ 1 ได้ถึง 2 หรือโปรโมชันแบบขายเหล้าพ่วงเบียร์ จึงขอถาม กรธ.ว่า ตั้งใจจะแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ทุจริตเลือกตั้งหรือจะส่งเสริมการซื้อสิทธิขายเสียงแบบบูรณาการกันแน่”