“เด็กเพื่อไทย” เย้ย รธน.ตัดสภาผัว - เมีย ไร้ประโยชน์ เชียร์นำข้อเสนอ “เอนก” มาใช้

“สมคิด” อดีต ส.ส.อุบลฯ เผย รธน. บัญญัติห้ามสภาผัว - เมีย ไร้ประโยชน์ ชี้หากจะโกงสภาอะไรก็โกงได้ เหน็บ กรธ. เขียนเอาเท่ แก้ปัญหาคอร์รัปชันไม่ได้ เชียร์นำข้อเสนอปรองดอง “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” มาปฏิบัติ นิรโทษให้ประชาชนก่อน ส่วนแกนนำตกลงกันไม่ได้ก็เรื่องของเขา

วันนี้ (14 ม.ค.) นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บัญญัติห้ามมิให้บุพการี คู่สามี ภรรยาและบุตรไม่สามารถลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในคราวเดียวได้ เพื่อแก้ไขปัญหาระบบอุปถัมภ์ ว่า กรธ. จะเขียนอย่างไรก็ไม่มีผลต่อระบบ เพราะระบบสภาผัว - เมีย ถ้ามีการเลือกตั้งตนก็ไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะประชาชนเป็นคนเลือก อีกทั้งไม่มีการรับประกันว่าหากลงสมัครทั้งผัวและเมียแล้วจะได้ตำแหน่งทั้งสองคน ส่วนการห้ามคนที่นามสกุลเดียวลงสมัครก็ไม่มีประโยชน์เพราะสามารถเปลี่ยนนามสกุลได้ วันนี้ไม่มีอะไรจะห้ามได้ดีที่สุด เนื่องจากลักษณะสังคมไทยเป็นเชิงระบบอุปถัมภ์ แม้ว่าจะมีสภาผัว - เมีย หรือไม่ ก็ไม่ได้แปลว่าประเทศไทยจะดีขึ้น แต่อยู่ที่คนเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยจะดีกว่าหรือไม่

“หาก กรธ. ระบุตัดสภาผัว - เมีย พรรคการเมืองก็ไม่เดือดร้อน เป็นเพียงแค่คำกล่าวหาซึ่งถ้าจะมีผลประโยชน์ไม่จำเป็นต้องเป็นผัวเมีย มองว่า กรธ. เขียนเพื่อเอาความเท่ เรื่องจริงไม่ได้นำพาประเทศไปสู่ระบบที่ถูกต้อง ไม่มีผลในแง่การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน คนเราหากคิดจะโกงสภาอะไรก็โกงได้ทั้งนั้น และวันนี้ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีสภาแล้วยังมีการโกงอยู่ แน่ใจหรือว่าฝ่ายประจำตรงไปตรงมาไม่มีการทุจริต ผมอยากให้เปิดสภาผัว - เมีย จะเอาคนไม่กี่ครอบครัวมากันคนอื่นไม่มีประโยชน์ ยิ่งปิดกั้นยิ่งลิดรอนสิทธิ์” นายสมคิด กล่าว

อดีต ส.ส. อุบลราชธานี กล่าวอีกว่า การร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องโทษ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะการเขียนร่างรัฐธรรมนูญถูกกำหนดด้วยมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวว่าต้องเขียนอย่างไร แม้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย จะไม่มีคณะกรรมการปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) เหมือนฉบับของนายบวรศักดิ์ แต่ยังคงเหมือนเดิมโดยร่างให้การเมืองอ่อนแอและมีกลุ่มได้ผลประโยชน์เมื่อพรรคการเมืองอ่อนแอ ทำให้ประเทศชาติไม่เดินหน้า

“สังคมไทยเดินมาสู่ความแตกแยก ยิ่งเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้ก็ยิ่งแตกแยกไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้จะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 10 คน ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพยายามทำมาเกือบ 2 ปี มีอะไรที่จะมาสมานให้ปรองดองได้ อำนาจอยู่ที่ท่านแล้ว อยากปรองดอง อยากออก พ.ร.บ. อะไรใช้มาตรา 44 ประกาศใช้เลย แต่เหตุใดจึงไม่ทำ ไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ. วิสามัญสันติสุข เพราะไม่มีประโยชน์” อดีตส.ส. อุบลราชธานีกล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลต้องการให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริงควรนำข้อเสนอของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง (คศป.) ใน สปช. มาปฏิบัติ เพราะได้ทำข้อเสนอไว้ชัดเจนว่า กลุ่มใดบ้างที่ควรได้รับการนิรโทษกรรมและกลุ่มใดที่ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงลำบาก อาทิ กลุ่มที่เผาศาลากลาง กลุ่มปิดสนามบิน บุคคลที่มีหมายจับ ที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนคดีของกลุ่มแกนนำ ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ก็เป็นเรื่องของเขา ควรช่วยเหลือประชาชนก่อน ซึ่งเรื่องนี้นายกฯสามารถดำเนินการได้ทันที