รมต.สำนักนายกฯ ยังไม่รู้ สนช.จ่อตั้ง กมธ.วิสามัญสันติสุข ขอคุยจันทร์นี้ ยันปรองดองยังไงก็ต้องทำ เตรียมดูขอบเขตหน้าที่ ด้าน กุนซือกฎหมายทักษิณ บอกเคยหวังแต่ยังมองไม่เห็นว่าจะเกิด ก่นตั้งกรรมการมานับไม่ถ้วนแต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ แค่ให้สังคมรู้สึกดี ชี้ทำยากเหตุตีความและเข้าใจแตกต่างกัน จี้สร้างเงื่อนไขเอื้อต่อการสมานฉันท์ก่อน มีกติกาประชาธิปไตย ยุติสองมาตรฐาน เคารพสิทธิ เลิกวาทกรรมเกลียดชัง
วันนี้ (9 ม.ค.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองและสันติสุขให้เกิดขึ้นในสังคม โดยเชิญตัวแทนพรรคเมือง กลุ่มการเมืองเข้าร่วมว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดแนวทางดังกล่าวเป็นอย่างไร จึงยังไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ แต่เบื้องต้น ตนจะสอบถามเรื่องนี้กับตัวแทนสนช.ในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 11 ม.ค.ซึ่งเรื่องปรองดองถึงอย่างไรก็ทำอยู่แล้ว เพราะกำหนดไว้ในโรดแม็ปรัฐบาล 1 ปี 6 เดือนอยู่แล้ว ขณะที่ กระทรวงมหาดไทยและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาโดยตลอด หาก สนช.จะตั้งกรรมาธิการชุดดังกล่าวก็ต้องมาดูว่ากำหนดขอบเขตหน้าที่ องค์ประกอบ เป็นอย่างไร ทั้งนี้ เรื่องปรองดองทุกฝ่ายต้องทำร่วมกันอยู่แล้ว แต่จะขอมาดูก่อนว่า ทำอย่างไรให้เดินไปด้วยกันได้ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเคยหวังในการปรองดอง แต่ขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่ามันจะเกิดขึ้น ซึ่งได้ตั้งกรรมการเรื่องปรองดองมานับไม่ถ้วน เสียเงินเสียเวลาไปมาก แต่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ การตั้งกรรมการอีกครั้งเพียงแค่ให้สังคมรู้สึกดีและไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ประเทศไทยเวลามีเรื่องอะไรที่เป็นกระแส ก็มักจะใช้วิธีตั้งกรรมการ แล้วเรื่องก็จะเงียบหาย พอมีกระแสมาใหม่ก็จะตั้งกรรมการชุดใหม่อยู่เช่นนี้ร่ำไป ที่การปรองดองมันเกิดยากเพราะแต่ละฝ่ายตีความและเข้าใจการปรองดองแตกต่างกัน บางฝ่ายมองว่าปรองดองคือการเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย บางฝ่ายมองว่า คือการนิรโทษกรรม ตราบใดที่เข้าใจไปคนละเรื่องก็คงเกิดขึ้นยาก
นายนพดลกล่าวว่า ส่วนตนมองว่าเรื่องที่เร่งด่วนคือ สังคมไทยต้องสร้างเงื่อนไขและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรองดองให้เกิดขึ้นก่อน เช่น การมีกติกาการอยู่ร่วมกันที่เป็นประชาธิปไตยและสากล การมีสิทธิและเสรีภาพ การทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย การยุติการใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน การเคารพสิทธิและความเป็นมนุษย์ของคนไทยด้วยกัน ไม่ต้องรักแต่ต้องเคารพสิทธิให้อยู่ด้วยกันได้ เลิกวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง เป็นต้น
“เราอยากกินผลไม้วิเศษชื่อปรองดอง แต่เราไม่ใส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน และฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะเกิดการปรองดอง มันคงไม่เกิดแน่ เราควรเลิกตั้งกรรมการและลงมือทำ ความปรองดองจึงจะเกิด” นายนพดลกล่าว