นายกรัฐมนตรี และคณะ เยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง สงขลา ย้ำ ให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ส่วนเรื่องยางพาราทำด้วยความระมัดระวัง หวั่นราคาตก เหตุยาง 2 แสนตัน เก็บอยู่ในคลัง เตรียมนำไปผลิตเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่ม ผสมพื้นทำถนน รวมทั้งปูพื้นสนามกีฬา แจงปฏิรูประยะ 3 คาด มีเลือกตั้งปี 60 ขออย่าสร้างความขัดแย้ง ย้ำประชารัฐแก้ปัญหา วางอนาคตลูกหลาน
วันนี้ (28 ธ.ค.) ที่อาคารศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ก่อนทำพิธีเปิดป้ายอาคารศูนย์บริการฯ และชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์จากยางพารา แบบจำลองโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ก่อนขึ้นเวทีพบปะประชาชนกว่า 2 พันคน โดยนายกฯ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มาเยี่ยมประชาชน ตน และ รมต. ทุกคน มีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน และอยากเห็นความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ พวกเราเข้ามาทำงานแบบนี้ ก็ใจร้อนต้องการที่จะเห็นความคืบหน้า ในตอนนี้เพลงแรกก็แต่งไปแล้ว บอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน ก็มีคนถามว่าเมื่อไรจะไปเสียที ซึ่งได้แต่งเพลงที่ 2 ออกมาขอให้ร่วมมือกันก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ไปอยู่ดี อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะไป ตนก็ต้องทิ้งพื้นฐานในการเริ่มต้นเอาไว้ให้ทุกคนก่อน
นายกฯ กล่าวว่า พวกเราไม่ใช่คนเก่ง แต่เป็นคนที่ตั้งใจทำงานอย่างแท้จริง ให้เกิดประโยชน์ ให้มีผลสำเร็จ ตนจะไม่พูดถึงเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 อีกแล้ว แต่จะพูดถึงเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย รักษาความมั่นคง การแก้ปัญหาเร่งด่วน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การลงทุนด้านเศรษฐกิจ นอกจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็ต้องขยายไปให้ถึงยุโรป เราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เพราะสถานการณ์สภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ประชาคมโลกต่างให้ความสนใจ น้ำในเขื่อนปีนี้ก็น้อยกว่าปีที่แล้ว ส่วนปีก่อน ๆ น้ำท่วม ปีนี้ก็แล้ง ไม่รู้ว่าบริหารจัดการอย่างไร ฉะนั้น ต่อไปทำให้เกิดการผสมผสานทั้งน้ำกิน น้ำใช้ น้ำการเกษตร ปลูกพืช และน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ ถ้าไม่แก้ปัญหานี้ วันหน้าคงมีปัญหากันแน่ เราต้องทำอย่างไรให้พัฒนา เพื่อเกิดความสมดุล มีคุณภาพ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ส่วนเรื่องยางพารา จากการประเมินของผู้ว่าการอุตสาหกรรมเมืองยาง ก็บอกว่า จะมีอุตสาหกรรมยางพารา 70 อุตสาหกรรมเกิดขึ้น สามารถมีใช้ในประเทศได้ 2 แสนตันต่อปี ซึ่งตอนนี้มีเก็บอยู่ในคลัง เอาออกมาใช้ไม่ได้ เพราะราคาตลาดจะตก รัฐบาลต้องทำด้วยความระมัดระวัง ฉะนั้น ต้องมาทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น พื้นยาง ถุงมือยาง ยางรถยนต์ และเครื่องสำอาง แต่ปัญหาคือ ตลาดรอบรับทำได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ยางพาราเป็นส่วนผสมส่วนหนึ่งในการทำถนน ซึ่งตนได้สั่งการไปยังกระทรวงคมนาคมแล้ว เพื่อให้ดูว่าถนนเส้นไหนสามารถใช้ส่วนผสมยางพาราได้บ้าง และยังได้พูดถึงการปูพื้นสนามกีฬา เช่น สนามฟุตซอล ซึ่งถ้าเราทำกันได้นานแล้ว คงไม่เกิดปัญหา ขอแค่ความร่วมมือเท่านั้น คะแนนเสียงไม่มี ไม่ต้องมาติดค้างกับตน แต่ต้องติดค้างกับแผ่นดินไทย
นายกฯ กล่าวว่า คสช. มาเพื่อใช้กฎหมายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่ได้มาเพื่อรังแกใคร เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนอีกแล้วกัน ขณะนี้ได้ปฏิรูปทั้งหมด 11 เรื่อง ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้จัดทำเป็น 37 กิจกรรม และ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)ได้เข้ามาจัดระเบียบการปฏิรูป รัฐบาลมี 3 ระยะ ก็กำลังเข้าระยะที่ 2 ส่วนระยะที่ 3 คาดว่า จะมีการเลือกตั้งได้ ปี 60 ขณะเดียวกัน ยุทธศาสตร์ได้เขียนไว้ทุกด้าน เช่น การเกษตร การค้า การลงทุน แล้วจะทำอะไรภายใน 20 ปีข้างหน้า จะทำอย่างไร รัฐบาลก่อนไม่เคยทำ จึงทำให้พี่น้องออกมาเรียกร้องอยู่อย่างนี้ ทั้งที่ค่าใช้จ่ายประเทศสูงขึ้นๆ ยิ่งร้องก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณ จึงต้องสร้างรายได้ให้มากขึ้น ให้ลูกหลานได้อยู่กันต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า การทำให้ประชาชนต้องทำให้ทุกภาค ไม่ใช่เลือกภาคใด ภาคหนึ่ง ดูแลคนทั้งหมด ไม่เลือกดูแล ตนจึงขอความร่วมมืออย่าสร้างความขัดแย้ง ตอนนี้รัฐบาล ทุกกระทรวงกำลังช่วยกันคิด ช่วยกันทำงาน ต้องเอากลุ่มกิจกรรมเข้ามาจับว่า ประเทศกำลังทำอะไร เช่น เกษตรกรรม การศึกษา อาชีพ ต้องเกิดเป็นรูปธรรมทุกพื้นที่ และอีก 1 ปี 6 เดือน ต้องเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ทุกจังหวัด ต้องมีศูนย์เรียนรู้การเกษตรเป็นของตัวเอง โดยไปศึกษาจากคนอื่นที่เขาทำแล้วประสบความสำเร็จ แล้วมาสอนๆ ต่อกัน เพื่อให้เกิดศูนย์เรียนรู้หมู่บ้าน รัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณลงมาให้เพิ่มเติม ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน ดังนั้น จังหวัดต้องทำยุทธศาสตร์จังหวัด ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด เพื่อมีศักยภาพเป็นของตัวเอง เช่น ต่อไปจะผลิตหมอ หรือพยาบาล เมื่อไปเรียนมาแล้ว ต้องกลับมาพื้นที่ตัวเอง ตนต้องการแนะนำว่า การคิดก็ต้องคิดตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ให้ได้ เพื่อฟันฝ่า และเดินหน้าเพื่อการปฏิรูป
นายกฯ กล่าวว่า การเป็นประชารัฐ ไม่ใช่เรื่องยาก หลายคนมองว่ารัฐบาลตนเข้ามาต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมันไม่ใช่ แต่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหา และวางอนาคตให้ลูกหลาน เพื่ออยู่กันในวันข้างหน้า และในอนาคตภาคใต้ต้องรถไฟความเร็วกลาง ไม่ใช่ความเร็วช้าในปัจจุบัน อีกหน่อยคนใต้แหลงใต้กันไม่ทันแล้วเวลาที่รถไฟสวนทางกัน วันนี้ที่แหลงทันเพราะรถไฟวิ่งช้า ทุกคนต้องฟังตน อย่าเพิ่งเบื่อตนพูด ไม่ฟังตน ก็ขอให้ฟังรองนายกฯ รัฐมนตรี ได้ หรือฟัง “ไก่อู” พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้ ฟังไป เพราะต้องมีไอ้นั้นไว้เป็นกรรมการห้ามมวย ไม่พูดก็ไม่ได้