“ประสาร” เผย ส.ว.เลือกตั้งฐานเสียงเดียวกับ ส.ส. หนุนที่มาแตกต่างกัน ค้านเปิดทางสภาผัวเมียย้อนทำวิบัติให้ชาติมาแล้ว มองเลือกไขว้ที่มา ส.ว. เชื่อบล็อคโหวตได้ แนะ 3 ทางแก้ปัญหา แนะแนวทางแก้ปัญหา เพื่อให้ดึงอำนาจถอดถอนกลับมา
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ที่กำหนดให้ที่มาของ ส.ว.แตกต่างจากที่มาของ ส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนว่า เพราะจากประสบการณ์ตรงในช่วงที่เป็น ส.ว.สรรหาซึ่งในยุคนั้นมี ส.ว.เลือกตั้งผสมด้วยได้พบว่า ส.ว.เลือกตั้งมีฐานเสียงเดียวกันกับ ส.ส. ตอนนั้นจะมีการแก้ไขกฏหมาย อปท.จะให้นายก อบจ., นายก อบต., นายกเทศมนตรี สามารถเป็นนายกได้ตลอดชีวิต พวกเรากลุ่ม 40 ส.ว.คัดค้านโดยยืนยันว่าให้เป็นได้ 2 วาระ 8 ปีแล้วต้องเว้นวรรค ปรากฏว่าฝั่งเราแพ้ด้วยคะแนนเสียง 90 กว่าต่อ 45 ซึ่ง ส.ว.เลือกตั้งสารภาพกับตนว่า “ถ้าผมลงคะแนนให้คุณ ผมกลับบ้านไม่ได้ พวกนายก อปท.เขาจะเหยียบผมตาย”
“นี่คือความเป็นจริงว่าภาคอีสานกับภาคเหนือเป็นฐานเสียงพรรคหนึ่ง ภาคใต้เป็นอีกพรรค ภาคกลางเป็นฐานเสียงของพรรคขนาดกลาง ทางตะวันออกเป็นของพรรคท้องถิ่นอีกพรรคหนึ่ง แถวบุรีรัมย์ สุรินทร์ เป็นของอีกพรรคหนึ่ง”
แกนนำ 40 ส.ว.กล่าวต่อว่า ในขณะที่วุฒิสภาเป็นองค์กรตรวจสอบซึ่งต้องเป็นอิสระจากภาคการเมืองอย่างสิ้นเชิง แล้วจะเป็นอิสระได้อย่างไรในเมื่อ ส.ว.เป็นฐานเสียงเดียวกันกับ ส.ส.
อนึ่ง ตนไม่เห็นด้วยที่ร่างรัฐธรรมนูญเปิดไฟเขียวให้แก่ผัวเมียลูก เรารับบทเรียนกันมาแล้วไม่กี่ปีมานี้เอง ปรากฏว่าผัวเป็นรัฐมนตรี เมียเป็น ส.ว. ขณะที่ลูกชายเป็น ส.ส.ก่อความวิบัติให้บ้านเมืองมาแล้ว สำหรับการเมืองไทยที่ระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก การจำกัดสิทธิเป็นมาตรการที่จำเป็น เหมือนเราจำกัดสิทธิคนโกง หรือเรากำหนดให้เป็น ส.ว.ได้เพียงสมัยเดียวเป็นเวลา 5 ปี
สำหรับวิธีการเลือกตั้งทางอ้อมที่ให้เลือกกันเองและเลือกไขว้กลุ่มในแต่ละกลุ่มประสบการณ์และความชำนาญ 20 กลุ่มโดยให้เลือกกัน 4 ชั้นนั้น ขอแสดงความเห็นว่าการเลือกกันเองในกลุ่มสามารถจะบล็อกโหวตได้ ดังที่เกิดมาแล้วในสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพราะมีการตั้งองค์กรเพื่อเอานอมินีมาโหวตให้คนของตัวเองจนกลายเป็นองค์กรล้มเหลวที่ยกเลิกไปแล้ว
ดังนั้น จึงขอเสนออีกทางเลือกหนึ่งต่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่า ให้ผู้สมัครแสดงความจำนงเข้ามาตามกลุ่มความชำนาญและประสบการณ์ทั้ง 20 กลุ่มนี้ แบ่งเขตพื้นที่เลือกตั้งประเทศเป็น 6-8 เขต แล้วให้ผู้สมัครทั้งหมดเข้ารับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในเขตนั้นๆ ด้วยวิธีเช่นนี้ เขตเลือกตั้งใหญ่ขนาดเขตละ 10-12 จังหวัด จะซื้อเสียงยาก จะบล็อกโหวตก็ทำไม่ได้วิธีนี้จะได้ผล 3 ประการ 1. ได้ตัวแทนจากกลุ่มอาชีพตามเจตนารมณ์ 2. ได้รับความชอบธรรมจากประชาชนโดยตรง 3. ได้วุฒิสภาที่เป็นอิสระจากภาคการเมือง ส.ว.ทุกคนมีศักดิ์ศรีในตัวเอง ถ้าใช้วิธีนี้หน้าที่ของ ส.ว.จะผนวกเอาภารกิจการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าไว้ด้วยก็มีเหตุผลและความชอบธรรมเพียงพอ