คืนความสุขให้สองขั้ว มติที่ประชุม ป.ป.ช.ตีตกคำร้องถอดถอน “สุเทพ” กรณีกองทัพบกซื้อเรือเหาะสูงกว่าความเป็นจริง ชี้บวกค่ากล้องตรวจการณ์ รถหุ้มเกราะ และชิ้นส่วนซ่อมแล้วเลยแพงกว่า อีกด้านตีตกคำร้องสอบ “ยิ่งลักษณ์” นำงบกลางปล่อยตัวชั่วคราวนักโทษการเมือง อ้างกองทุนยุติธรรมเงินไม่พอ ทั้ง นปช.และพันธมิตรฯ ก็ได้เงินด้วย แต่ให้แจ้งยุติธรรมตามเงินที่ผู้ต้องหาหลบหนีให้คืนทางการด้วย
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.ได้แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้ข้อกล่าวหาคำร้องขอให้ถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้กองทัพบกสั่งซื้อเรือเหาะในราคาสูงกว่าความเป็นจริงนั้นตกไป
โดยเรื่องนี้จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริง พบว่ากระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์ดังกล่าวได้มีการดำเนินการขออนุมัติแผนจัดหายุทโธปกรณ์สำหรับภารกิจหาข่าว เฝ้าตรวจพื้นที่และเส้นทางในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่นายสุเทพจะเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งการจัดซื้อนั้นได้ทำการจัดซื้อทั้งตัวเรือเหาะและอุปกรณ์ตรวจการ ได้แก่ 1. เรือเหาะ Aeros 4oD จำนวน 1 ลำ 2. กล้องตรวจการณ์เวลากลางวัน/กลางคืน Axsys V14 MS II จำนวน 2 กล้อง 3. รถหุ้มเกราะกันกระสุน Grizzy เพื่อใช้เป็นรถ Command Control และ 4. ชิ้นส่วนซ่อมควบคู่ การบำรุงรักษา การฝึกอบรม การรับประกันชิ้นส่วนที่สำคัญ ระบบการติดต่อสื่อสารตามมาตรฐานของผู้ผลิต และระบบรับ-ส่ง และถ่ายทอดสัญญาณ (Uplink/Downlink) ดังนั้นจึงทำให้มีมูลค่าสูงกว่าการจัดซื้อเพียงเรือเหาะอย่างเดียว
ขณะเดียวกัน เรือเหาะที่ทำการจัดซื้อนั้นเป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วน จึงได้ดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ และเป็นเรือเหาะที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานผู้รับผิดชอบออกใบอนุญาตรับรองและกำกับดูแลความปลอดภัยของอากาศยานทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลังจากทำการจัดซื้อแล้วได้มีการใช้งานมาระยะหนึ่ง แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและอากาศมีฝนตกชุก จึงได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนอุปกรณ์เปลือกนอกของเรือเหาะ เพื่อเพิ่มคุณภาพจากมาตรฐานเดิมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีดังกล่าวนี้จากการไต่สวนไม่ปรากฏพฤติการณ์หรือพยานหลักฐานว่า นายสุเทพซึ่งกำกับการบริหารราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยการปล่อยให้กองทัพบกสั่งซื้อเรือเหาะ ในราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้ข้อกล่าวหาคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติต่อหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตกรณีจ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ใช้เป็นหลักประกันการปล่อยตัวชั่วคราวนั้นให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้แจ้งกระทรวงยุติธรรมติดตามเรื่องเงินที่ผู้ต้องหาหลบหนีให้กลับคืนมาเป็นของทางราชการด้วย
โดยเรื่องนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ดำเนินการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในการจ่ายเงินนั้นได้มีการนำเงินกองทุนยุติธรรมมาใช้ดำเนินการโดยเป็นไปตามข้อเสนอแนะคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ แต่ปรากฏว่าเงินงบประมาณกองทุนยุติธรรมมีจำกัดไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ จึงได้ของบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลางรายการเงินสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นมาใช้ในการดำเนินการ ซึ่งทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 19 และมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติวิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502
ประกอบกับการนำเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ได้มีการปฏิบัติเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติกรณีการขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร 0704/195 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552 แล้ว และในการจ่ายงบประมาณเพื่อเป็นหลักประกันในครั้งนี้ได้มีการนำไปช่วยเหลือผู้ต้องขังคดีอาญาที่มีลักษณะเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งในทางการเมือง มิได้เฉพาะเจาะจงกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะมีทั้ง นปช. และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่างก็ได้รับเงินสนับสนุนเพื่อใช้ในการปล่อยชั่วคราวดังกล่าวนี้ด้วย และการประกันตัวผู้ต้องขังต้องผ่านการพิจารณาจากศาล ที่อนุญาตให้ประกันตัวและกำหนดวงเงินไว้
จากนั้น ต้องผ่านคณะกรรมการกองทุนยุติธรรมตามหลักเกณฑ์ ของระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยกองทุนยุติธรรม พ.ศ. 2553 และระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสนับสนุนหลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว พ.ศ. 2554 ก่อน จึงจะสามารถนำเงินงบประมาณมาใช้เป็นหลักประกันตัวได้ และหลังจากได้รับการประกันตัวแล้ว คณะกรรมการบริหารกองทุนยุติธรรมยังได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมจากที่มีในระเบียบฯ เมื่อได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลในการรายงานตัวตามกำหนดนัด หากสัญญาประกันของศาลสิ้นสุดลง กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะได้ดำเนินการขอรับหลักประกันคืนจากศาลต่อไป หากผู้ต้องขังหลบหนีจนเป็นเหตุให้ศาล มีคำสั่งริบประกันผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดทางแพ่ง ชดใช้เงินตามหลักประกันที่กองทุนยุติธรรมให้การสนับสนุน แก่ผู้ต้องขังกรณีดังกล่าวนี้จึงไม่ปรากฏว่าก่อให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด