xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” วางมือเลี้ยงหลานแต่ “พี่ใหญ่” เดินหน้าเพื่อชาติ-ประชาชน!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

ลุยแถลงผลงานในรอบ 1 ปีของรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยผู้นำเปิดหัวร่ายยาวแบบม้วนเดียวจบ แน่นอนว่าต้องยืนยันถึงความสำเร็จ มีผลงานออกมามากมายเหลือคณา แม้ว่าจะมีเวลาจำกัดทั้งที่ผ่านมาและเวลาที่เหลืออยู่ตามที่ประกาศเอาไว้ว่าจะอยู่แค่อีกประมาณไม่เกินปีครึ่ง ก็คงเป็นไปตามนั้น เพราะคำพูดได้เป็นนายไปแล้ว

มิหนำซ้ำล่าสุดยังประกาศชัดอีกว่า “จะไม่ยอมเป็นายกฯ ให้นักการเมืองเด็ดขาด ขอกลับไปเลี้ยงหลานดีกว่า” นั่นเป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อถูกถามถึงข้อเสนอของนักการเมืองในเรื่องรัฐบาลแห่งชาติที่ระดมคนที่มีฝีมือได้รับการยอมรับจากพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมเป็นรัฐมนตรี โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เพื่อกำกับดูแลการทำงานอย่างเคร่งครัด และเพื่อเป้าหมายการปรองดองให้เกิดความสงบภายในบ้านเมือง

เอาเป็นว่าหากฟังจากท่าทีของเขา ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะวางมือหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจตามโรดแมปในราวเดือนมิถุนายนปี 2560 แต่นั่นก็เป็นท่าทีเฉพาะตัวของเขาเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคนอื่น โดยเฉพาะ “พี่ใหญ่” คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถือว่าเป็น “เบอร์สอง” ตามตำแหน่งเท่านั้น ส่วนอำนาจบารมีของจริงนั้นยังไม่รู้ว่าใครเหนือกว่ากัน เพราะเท่าที่สังเกตเห็นในระยะหลังมีการขยายเครือข่ายออกไปทุกวงการ เรียกว่าทั้งในระดับกองทัพ ตำรวจ หรือแม้แต่องค์กรอิสระที่ล่าสุดเพิ่ง “เสร็จ” ไปหมาดๆ ก็คือ ตำแหน่งประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ที่ว่ากันว่าเป็น “คนใกล้ชิด” กันเลยทีเดียว ลากยาวนั่งยาวตามวาระถึง 9 ปีเต็ม จนเป็นที่จับตามองว่าใน 5 คดีที่เพื่อนพ้องน้องพี่เข้าไปเกี่ยวพันทั้งทางตรงและทางอ้อมและยังอยู่ในมือของ ป.ป.ช.จะมีบทสรุปแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นคดีจีที 200 เรือเหาะ เป็นต้น

ดังนั้น สำหรับรายหลังนี่ถือว่ายังไม่มีความชัดเจนออกมาว่าจะตามไปเลี้ยงหลานด้วยกันหรือไม่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะได้ยินเสียงบ่นมาหลายครั้งว่าเหนื่อย แต่ก็ยืนยันว่า “ต้องทำเพื่อชาติและประชาชน” ต่อไป

ที่ผ่านมาเมื่อถูกถามเรื่องรัฐบาลแห่งชาติที่นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยเสนอเข้ามา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน โดยตอบแบบเลี่ยงไปว่าโรดแมปยังไม่จบเลย ต้องมาว่ากันทีหลัง หรือ บอกว่าเป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่ต้องคุยกัน แต่หากคุยกันเพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขก็ว่ากันไป สรุปก็คือ เขาไม่ได้ฟันธงไม่ได้ยืนยันชัดเจน

อย่างไรก็ดี หากมองอีกมุมหนึ่งมันก็ต้องพิสูจน์กันอีกครั้งในภายหน้า เวลานั้นยังมาไม่ถึง เพียงแต่ว่าสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะประกาศท่าทีชัดเจนไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องจับตามองอีกว่าการประกาศท่าทีแบบนี้จะมีผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล และโรดแมปที่เคยประกาศเอาไว้หรือไม่ โดยเฉพาะในเรื่องการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านที่เคยประกาศเอาไว้ แม้ว่าที่ผ่านมาจะเริ่มชัดแล้วว่าบางเรื่องจะ “เหลว” ค่อนข้างชัดเจน คือ การปฏิรูปตำรวจ หรือแม้แต่การปฏิรูปพลังงานที่ระยะหลังไม่มีการขยับไปข้างหน้าเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น แม้ว่าล่าสุดเขายังยืนยันระหว่างการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ว่าจะเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปต่อไป แต่หากพิจารณากันอีกด้านหนึ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมประกาศวางมือหลังเสร็จสิ้นภารกิจตามกำหนดนั่นคือไม่เกินเดือนมิถุนายน 2560 มันก็มีปัญหาเหมือนกัน นั่นคือ จะเกิดภาวะ “เกียร์ว่าง” ขึ้นอย่างชัดเจน เพราะอย่างที่รู้กันว่าพวกข้าราชการระดับหัวไม่น้อยล้วนเคยอยู่ในสังกัดการเมืองมาก่อน คนพวกนี้ล้วนเป็นนกรู้ก็ย่อมไม่อย่างเสี่ยงต้องประคองตัวไปก่อนเพื่อรอ “นายเก่า” กลับมา และที่ผ่านมาก็พอสังเกตเห็นแล้วว่าหลายหน่วยงานยังอืดอาด สั่งการไปแล้วงานไม่ค่อยเดิน จนเคยได้ยินเสียงบ่นออกมาให้ได้ยินแล้ว

อีกทั้งในเวลานี้เริ่มเดินเข้าสู่ช่วงเวลาท้ายๆ เข้าไปทุกที และยิ่งมีการประกาศแบบวางมือออกมาให้เห็นเราก็อาจได้เห็นอาการเกียร์ว่างได้ชัดขึ้น ที่น่าหนักใจก็คือเวลานี้จุดอ่อนของรัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นเรื่องปากท้อง ที่แก้ไม่ตก แม้จะพยายามสร้างความมั่นใจว่าเริ่มกระเตื้อง แต่ลองไปถามชาวบ้านระดับล่างดูหน่อยว่าสาหัสขนาดไหน เพราะกำลังซื้อไม่มี ซึ่งกำลังซื้อก็ต้องมาจากราคาผลผลิตทางการเกษตรหลักๆ เช่น ข้าว ยางพารา ปาล์ม เวลานี้ตกต่ำติดดินแล้ว คนพวกนี้เป็นคนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ถ้าคนพวกนี้รายได้แน่ เศรษฐกิจก็แย่ แน่นอนว่าจะอ้างว่าเศรษฐกิจโลกมันแย่กระทบมาถึงไทย แต่ชาวบ้านเขาไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าทำไมขายของไม่ได้ราคา ทำไมรัฐบาลแก้ไขไม่ได้ เวลาผ่านมาเกือบสองปีแล้วทำไมไม่ดีขึ้น

ดังนั้น ทำให้น่าเป็นห่วงว่าในปีหน้าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะยังหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยังแก้เรื่องราคาสินค้าเกษตรตัวหลักดังกล่าวได้ไม่ดี มันก็เสี่ยงสารพัดม็อบเข้ามา และที่สำคัญแม้ว่าจะรังเกียจเครืองข่ายของทักษิณ ชินวัตร มันแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นมันก็เข้าทางจนได้แหละน่า!!
กำลังโหลดความคิดเห็น