xs
xsm
sm
md
lg

“วัชระ” ยัน “ส.เขมราฐ” ตัดหินนอกเขตจริง เผย ตร.งงสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์ หวั่นคนไม่ผิดซวย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ แฉ “ส.เขมราฐ อินดัสตรี้” ลักลอบตัดหินและขุดดินลูกรังนอกเขตสัมปทาน จ.อุบลฯ จริง บี้ นายกฯ ฟัน พร้อมคุ้มครองข้าราชการแจ้งความสอยนายทุน รับพนักงานสอบสวนงงโครงการสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์ของ บช.น. ต้องฟ้องทุกเรื่องหรือไม่ ชี้ขัดหลักการอาจทำคนไม่ผิดเดือดร้อน แถมมีเรียกตำรวจไปปรับทัศนคติ แนะ “ณัฐวุฒิ” เอาเงินตัวเองไปช่วยลูกคนติดคุก

วันนี้ (20 ธ.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ประชาชนจังหวัดอุบลราชธานี ร้องเรียนกรณีบริษัท ส.เขมราฐ อินดัสตรี้ จำกัด ลักลอบตัดหินและดินลูกรังนอกเขตสัมปทาน ที่ ต.บุเปลือย และ ต.ศรีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเดือดร้อนของประชาชนไม่ใช่เรื่องการเมือง ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีการบุกรุกจริง หลังจากตนได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย นายวัชระ ได้นำหนังสือราชการจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานีลงวันที่ 9 ธันวาคม 2558 ที่ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยยืนยันว่า มีการทำผิดจริง และได้มอบหมายให้นายทองดี เกลี้ยงเกลา ตำแหน่งนายช่างรังวัดชำนาญงาน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เขาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรน้ำยืนแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2558 ให้สืบสวนหาผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 43 ซึ่งมีบทลงโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการฝ่าฝืนมาตรา 43 ในเขตควบคุมการขุดเจาะน้ำเกลือใต้ดินผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงห้าแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

นายวัชระ ยังเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี สั่งการเร่งด่วนไปยังหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องให้จัดการ ซึ่งหากดำเนินการเช่นนี้ก็จะนับเป็นผลงานที่รัฐบาลนำไปแถลงผลงานประจำปีได้เลย เพราะจะถือว่าข้าราชการกล้าแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทที่มีอิทธิพลในพื้นที่อย่างสูง และรัฐบาลต้องให้ความคุ้มครองกับข้าราชการที่ปฎิบัติหน้าที่ด้วย

นายวัชระ แถลงว่า ได้รับการร้องเรียนจากพนักงานสอบสวนจำนวนมาก เกี่ยวกับ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการ ผบช.น. ออกหนังสือเวียนของ บช.น. เรื่องแจ้งบันทึกสั่ง บช.น. ตามโครงการสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์ทำให้เป็นที่สงสัยจากพนักงานสอบสวนเป็นจำนวนมากในเรื่องความยุติธรรม เพราะตามกฎหมายต้องเสาะหาหลักฐานก่อน จึงพิจารณาคดี แต่เมื่อทำโครงการเช่นนี้ คือ ต้องสั่งฟ้องทุกเรื่องใช่หรือไม่ ขัดต่อหลักการสอบสวนซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ไม่ได้ทำความผิดได้รับความเดือดร้อน ขาดเสรีภาพทางร่างกาย ทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายทั้งระบบ เพราะพนักงานต้องสั่งฟ้องทุกคดีทำให้คนที่ไม่ได้ทำผิดเดือดร้อน ประเทศชาติก็เดือดร้อนไปด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนทุกโรงพักไม่เห็นด้วยกับหนังสือเวียนฉบับนี้ สะท้อนให้เห็นว่านายพลตำรวจของไทยมีความรู้ทางกฎหมายแค่ไหนที่สั่งเช่นนี้ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งยกเลิกหนังสือดังกล่าวทันที อีกทั้งต้องปฏิรูปตำรวจด้วยการแยกพนักงานสอบสวนออกจาก สตช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะเกี่ยวการจราจรหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า เป็นเรื่องการสอบสวนทั้งหมดพร้อมกับรับปากสื่อมวลชนที่จะไปหาเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะใบปะหน้ามาแสดงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องแปลก คือ มีการเรียกพนักงานสอบสวนในแต่ละพื้นที่ เช่น เขตกองบัญชาการภาค 7 ไปปรับทัศนคติ จึงมีการตั้งคำถามจากพนักงานสอบสวนว่าทำไมมีการใช้ศัพท์เหมือนที่ใช้กับแกนนำคนเสื้อแดงจึงสงสัยว่าเป็นการทำเพื่อไม่ให้มีการเคลื่อนไหวในการขอแยกออกจาก สตช. ใช่หรือไม่ เพราะบรรดานายพลไม่ยินยอมเพราะถือว่าแผนกสอบสวนเป็นหม้อข้าวหม้อแกงของ สตช.

นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงยืนยันการชุมนุมเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ หลังจากศาลฎีกาพิพากษาจำคุกแกนนำเสื้อแดงที่เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี โดย นายจตุพร ยืนยันว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ เคลื่อนไหวสันติวิธี ในขณะที่ นายณัฐวุฒิ ก็พูดแค่หาเสียงว่าจะยื่นถวายฎีกา ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะมีขั้นตอนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที จึงขอให้ นายณัฐวุฒิ ดูแลลูกหลานคนเสื้อแดงที่ต้องติดคุก โดยนำเงินที่เคยจับต้องเงินหนึ่งร้อยล้านบาทที่บอกกับอาจารย์ของตัวเองไปช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ได้รับความเดือดร้อน

นายวัชระ ยังได้นำหนังสือรวมเหตุการณ์ในปี 53 ของสมาคมนักข่าวฯที่เผยแพร่ภาพกลุ่มชายชุดดำพร้อมอาวุธสงคราม รวมถึงหนังสือมติชนบันทึกประเทศไทย ปี2553 ระบุว่า มีชายชุดดำถืออาวุธปืนสงครามเอเค 47 ที่ไม่มีใช้ในกองทัพเมื่อวันที่ 10 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต อีกทั้งในวันดังกล่าว นายจตุพร ขึ้นเวทีขอบคุณชายชุดดำ ถ้าไม่มีพวกเขาพวกเราคงตายมากกว่านี้ ดังนั้น การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ได้รับการสนับสนุน โดย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ปรากฏภาพไปร่วมชุมนุมด้วย จะบอกว่าการชุมนุมเป็นไปโดยสันติได้อย่างไร ไม่ทราบว่าสติฟั่นเฟือนหรือตั้งใจลืมความจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีรายงานของคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชนในคณะกรรมาธิการสภาพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร มีคำยืนยันจาก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในขณะนั้น ระบุถึงการที่คนเสื้อแดงยึดอาวุธสงครามจากทหาร รวมถึงพล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ยอมรับว่า ยังไม่มีการคืนปืนให้กับทหาร โดยบอกว่าจะสืบหาว่าอาวุธเหล่านั้นอยู่ที่ใครบ้าง เพราะฉะนั้นคำกล่าวอ้างของนายจตุพร และ นายณัฐวุฒิ จึงเป็นความเท็จอย่างสิ้นเชิง ขอเรียกร้องให้นำอาวุธราชการคืนให้กับกองทัพบกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น