อดีต สปช.ค้านแนวคิด “เสรี สุวรรณภานนท์” ยกเลิกให้ฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล ชี้จะเล่นเกมการเมืองหรือไม่เป็นเรื่องตัวบุคคล แต่ต้องมีระบบไว้ตรวจสอบถ่วงดุล สร้างการรับรู้ต่อประชาชนและสื่อ รวมทั้งส่งไม้ต่อให้องค์กรอิสระตรวจสอบ ยกกรณี ส.ป.ก.4-01 เคยสะเทือน ซัดตัดเครื่องมือทิ้งจะให้ยอมรับระบอบอะไร
วันนี้ (13 ธ.ค.) นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ แสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อเสนอของนายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธาน กมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ให้ยกเลิกบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญซึ่งเปิดโอกาสฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติซักฟอกไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยชี้ว่าฝ่ายค้านมีคะแนนเสียงไม่พอ เอาชนะไม่ได้ และกลายเป็นการเล่นเกมต่อรองของฝ่ายค้าน โดยกล่าวว่าฝ่ายค้านจะเล่นเกมหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของคนหรือกลุ่มบุคคล แต่ระบบต้องมีไว้เพื่อเอื้อต่อการตรวจสอบถ่วงดุล จะไปตัดทิ้งไม่ได้ มันเป็นกระบวนการที่จำเป็นของระบอบรัฐสภา
“ผลของการอภิปรายซักฟอกไม่ใช่หนังม้วนเดียวจบ ไม่ใช่ว่าจะต้องนับกันที่คะแนนเสียงลงมติในวันอภิปรายนั้น เพราะถึงจะอภิปรายได้ดีอย่างไร เสียงข้างมากยังเป็นของฝ่ายรัฐบาลอยู่วันยังค่ำ แต่การซักฟอกรัฐบาลเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาลในประเด็นปัญหา เป็นการสาธยายสาธารณะที่จะสร้างผลสะเทือนต่อเนื่องไปยังสื่อมวลชน ประชาชน ที่จะขยายผลต่อไป เป็นการส่งไม้ต่อให้แก่องค์กรตรวจสอบอิสระอื่นๆ รวมถึงศาลสถิตยุติธรรม เพื่อนำไปสู่ข้อยุติที่ถูกต้องเหมาะสม” นายประสารกล่าว
ทั้งนี้ นายประสารกล่าวว่า ยกตัวอย่างเช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านกรณีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อลงมติฝ่ายค้านแพ้เสียงรัฐบาล ผลการอภิปรายนั้นเองที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรค คือ พรรคพลังธรรม กับพรรคความหวังใหม่ แสดงเจตนาจะถอนตัวจากรัฐบาล ทำให้นายกรัฐมนตรีจำต้องประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเพราะแรงกดดันที่ตั้งต้นมาจากการซักฟอกรัฐบาลนั่นเอง ระบอบรัฐสภาถือเสียงข้างมาก แต่ต้องเคารพเสียงข้างน้อยที่จะต้องเป็นพลังในการตรวจสอบ ถ้าตัดเครื่องมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลทิ้งไป แปลว่าไม่ยอมรับระบอบรัฐสภา แล้วจะให้ยอมรับระบอบอะไร