xs
xsm
sm
md
lg

“รสนา” ไล่บี้ “ประยุทธ์” เท่าเทียมตรวจสอบกองทุนน้ำมันเฉกเช่นกองทุน สสส.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

 น.ส.รสนา โตสิตระกูล
“รสนา” ยกเหตุผลหักล้างข้ออ้างกลุ้มค้านยกเลิกกองทุนน้ำมัน ยันเป็นภาระประชาชน เอื้อทุนผูกขาดพลังงาน เย้ยตลกบริโภคกองทุนน้ำมันจะช่วยรักษาเสถียรภาพ จี้รัฐตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้มาตรฐานใดกำหนดราคาเอทานอลที่สูงกว่าราคาตลาดโลกถึงลิตรละมากกว่า 10 บาท

วันนี้ (12 ธ.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “รสนา โตสิตระกูล” ภายใต้หัวข้อ “กองทุนน้ำมันคือกองทุนประกันกำไรให้ทุนผูกขาดพลังงาน ใช่หรือไม่!?!” ดังนี้..

“หลังจากที่ดิฉันเสนอเรื่องให้ยกเลิกกองทุนน้ำมันเพื่อลดภาระผู้ใช้น้ำมัน และเพื่อให้สะท้อนต้นทุนน้ำมันตามกลไกตลาด ก็มีสมาชิกในกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (ERS) ออกมาโต้ด้วยข้อความ ดังนี้

“ถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันราคาเบนซิน 95 ก็จะถูกลง 6.15 บาท/ลิตร ราคาก็จะเท่ากับแก๊สโซฮอล์ 95 (แล้วใครจะใช้แก๊สโซฮอล์ล่ะครับ) แต่ราคาแก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85 จะสูงขึ้น เพราะทุกวันนี้กองทุนน้ำมันยังอุดหนุนราคาแก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85 อยู่ (อุดหนุนอี 85 ถึงลิตรละ 9.23 บาท) ถ้ายกเลิกกองทุนฯราคาแก๊สโซฮอล์ทั้งสองชนิดก็ต้องแพงขึ้น โดยเฉพาะอี 85 ถ้าแพงขึ้นอีกลิตรละ 9.23 บาท ก็เลิกขายไปได้เลยครับ เพราะราคาจะแพงกว่าเบนซิน 95 เสียอีก

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าไม่มีกองทุนน้ำมัน ต่อไปนี้รัฐบาลก็จะไม่มีเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันแล้วนะครับ ดังนั้น ราคาน้ำมันก็ต้องขึ้นลงตามราคาตลาดอย่างไม่มีข้อยกเว้น ถ้าวันใดราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจากภาวะสงคราม หรือมีภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่คาดไม่ถึง รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลราคาน้ำมันไม่ให้กระชากขึ้นมากจนเกินไป

นอกจากนั้น การยกเลิกกองทุนน้ำมันยังส่งผลกระทบถึงนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของรัฐบาลที่ลงทุนลงแรงทำมานับเป็นสิบปี กระทบต่อราคาพืชพลังงานอย่างเช่น อ้อย มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลถึงรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเหล่านี้ในที่สุดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

สมาชิกของกลุ่ม ERS ที่ยกข้อมูลทั้ง 3 ย่อหน้าข้างต้นมาคัดค้านการยกเลิกกองทุนน้ำมัน เป็นเหตุผลที่ควรแก่การรับฟังหรือไม่นั้น ขอวิญญูชนพึงพิจารณา

1) การเก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนลิตรละ 6.15 บาท และนำไปอุดหนุนคนใช้ E85 ลิตรละ 9.23 บาทนั้น เพราะมีการทำให้ราคาเอทานอลจากมันสำปะหลัง และอ้อยแพงกว่าน้ำมันเบนซินถึง 80.57% (ราคาวันที่ 30 พ.ย. 2558 เนื้อน้ำมันเบนซินราคาลิตรละ 14.67 บาท ส่วนเอทานอลราคาลิตรละ 26.49 บาท) ดังนั้น ยิ่งเติมเอทานอลมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้น E85 มีเบนซินเพียง 15% และเอทานอล 85% มีราคาเนื้อน้ำมันถึงลิตรละ 24.69 บาท แต่ขายในราคา 19.54 บาท เพราะเอากองทุนน้ำมันไปอุ้มลิตรละ 9.23 บาท

2) ที่อ้างว่าถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันจะกระทบนโยบายส่งเสริมพลังงานทดแทนของรัฐบาลนั้น

ต้นกำเนิดของนโยบายพลังงานทดแทนเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริในการผลิตแก๊สโซฮอล์ตั้งแต่ปี 2537 ในโครงการส่วนพระองค์ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ “ลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน” โดยผลิตแก๊สโซฮอล์ 95 ที่มีส่วนผสมของ น้ำมันเบนซินกับเอทานอล ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มีคุณสมบัติการใช้งาน เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 ทั่วไป แต่มีราคาถูกกว่า 50 สตางค์ต่อลิตร จากปี 2544 ที่มีการจำหน่ายแก๊สโซฮอลล์ให้ประชาชน จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 14 ปี แต่แทนที่ประชาชนจะได้ใช้ราคาพลังงานทดแทนที่ถูกลงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายตามพระราชประสงค์ที่ทรงเริ่มโครงการนี้ กลับกลายเป็นว่ายิ่งมีปริมาณเอทานอลผสมในน้ำมันเบนซินมากเท่าไหร่ กลับมีราคาแพงขึ้นเท่านั้น กลายเป็นภาระของผู้ใช้น้ำมันมากขึ้นซึ่งผิดจากวัตถุประสงค์เดิม ผู้ใช้น้ำมันจะต้องรับภาระนี้ด้วยข้ออ้างว่าเป็นการช่วยเหลือชาวไร่มันสัมปะหลัง ชาวไร่อ้อยอย่างเป็นนิรันดรหรือไม่?

ในอดีตมีการอิงราคาเอทานอลที่บราซิล + ค่าขนส่งจากเซาเปาโล (เมืองหลวงบราซิล) มาประเทศไทย แบบเดียวกับน้ำมันเบนซินที่กลั่นในประเทศไทย แต่ใช้ราคาสิงคโปร์ + ค่าขนส่งจากสิงคโปร์มาประเทศไทยเป็นราคามาขายคนไทย มีการยกเลิกการอิงราคาบราซิลหันมาใช้ราคาผลิตภายในประเทศ แต่อาการหนักกว่าเดิม เพราะราคาเอทานอลในบราซิลลดต่ำลงมาก ปีที่แล้ว (2557) ราคาลิตรละ 15 บาท แต่ราคาเอทานอลในไทยเมื่อ 30 พ.ย. 2558 ราคาลิตรละ 26.49บาท/ลิตร

ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้มที่ขายประชาชน มักอ้างว่าต้องสะท้อนกลไกราคาตลาดแต่มักจะสะท้อนตอนราคาสูงสุดเท่านั้น เวลาราคาตลาดโลกลดลง จะไม่พูดถึงกลไกตลาดอีก จะไปใช้เหตุผลอื่นเช่น ถ้าราคาถูกเกินไป จะทำให้ประชาชนจะไม่ประหยัด!!!

ดิฉันเคยไปดูโรงกลั่นเอทานอลจากมันสัมปะหลังในอุบลราชธานี โรงกลั่นเอทานอลอยากซื้อเบนซินมาผสม E85 เองที่อุบลฯ เพื่อให้น้ำมันที่ขายคนในจังหวัดราคาถูกลง แต่ทำไม่ได้เพราะการผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ผูกขาดการผลิตได้เฉพาะที่โรงกลั่นน้ำมันเท่านั้น แล้วใครผูกขาดโรงกลั่นน้ำมัน ก็ผูกขาดการซื้อเอทานอล ราคาจึงไม่มีการแข่งขัน คำถามก็คือ รัฐบาลจะอุ้มราคาเอทานอลไปถึงไหน จริงหรือที่เป็นการอุ้มชาวไร่มันสำปะหลัง แท้จริงแล้วเป็นการอุ้มธุรกิจโรงงานน้ำตาล และโรงกลั่นน้ำมันหรือไม่? เพราะเอทานอลที่ผลิตจากมันสำปะหลังมีปริมาณเพียง 30% ส่วนอีก 70% มาจากกากน้ำตาลซึ่งในอดีตไม่มีราคา แต่ปัจจุบันสามารถใช้ราคามันสัมปะหลังเป็นราคาอ้างอิง จึงได้ราคาสูง



3) การอ้างว่าถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมัน รัฐบาลจะไม่มีเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพ ถ้าเกิดสงคราม ภัยพิบัติประชาชนจะเดือดร้อน เป็นการเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะเวลานี้ประชาชนก็เดือดร้อนมากที่สุดอยู่แล้วจากการถูกล้วงกระเป๋าเข้ากองทุนน้ำมัน รวมทั้งราคาน้ำมันผสมเอทานอลที่ไม่ได้ใช้กลไกตลาดตามที่ชอบอ้าง ไม่ต้องเอาความเดือดร้อนในอนาคตมาขู่เลย เรื่องสงครามในตะวันออกกลางขณะนี้ก็มีอยู่แล้ว แต่ขอให้ดูราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2558 ที่มีราคาเหลือเพียง 37.71เหรียญ/บาร์เรล หรือ 8.50 บาท/ลิตร เป็นราคาที่ลดลงจากปี 2557 เกือบ 70% และราคาน้ำมันดิบคาดการณ์ในปี 2559 จะลดลงเหลือ 27 เหรียญ/บาร์เรล หรือมีราคาเหลือเพียง 6 บาท/ลิตร การอ้างกองทุนน้ำมันว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันถูกกระชากขึ้นเวลาเกิดวิกฤต ก็เป็นตลกบริโภคที่ประชาชนไม่ขำด้วยอีกข้อหนึ่งของกลุ่มทุนผูกขาดพลังงาน

กองทุนน้ำมันเวลานี้ไม่เคยช่วยรักษาเสถียรภาพราคาให้ประชาชนเลย เพราะมีข้ออ้างต้องสะท้อนราคาตามกลไกตลาดเวลาสูงสุดอยู่เสมอ แต่พอเวลาที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดต่ำลง ก็อ้างต้องเก็บสะสมเงินไว้ช่วยตอนราคากระชากสูงขึ้น ที่ผ่านมาประชาชนต้องจ่ายราคาน้ำมันสูงเกินจริงมาเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ไม่เคยได้รับความกรุณาจากการบริหารราคาน้ำมันที่เป็นธรรม จึงควรเรียกกองทุนน้ำมันว่าเป็นกองทุนรักษาเสถียรภาพกำไรให้กับบริษัทพลังงานมากกว่า



การนำกองทุนน้ำมันมาชดเชย E85, E20 ให้ความเป็นธรรมกับคนใช้น้ำมันกลุ่มอื่นแล้วหรือ? สมัยที่รัฐบาลมีการตรึงราคาก๊าซหุงต้มให้ภาคครัวเรือน ทั้งที่ก๊าซหุงต้มที่ผลิตได้ในประเทศมีปริมาณเพียงพอให้ภาคครัวเรือนใช้ ถ้าไม่มีการออกหลักเกณฑ์ให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีมาแย่งใช้กับภาคครัวเรือนจนก๊าซแอลพีจีไม่เพียงพอ ต้องมีการนำเข้าก๊าซหุงต้มจากต่างประเทศ และเอาเงินจากกองทุนน้ำมันมาชดเชยส่วนต่างจากการนำเข้าก๊าซแอลพีจีเพื่อให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ใช้แอลพีจีในราคาอิงเม็ดพลาสติกตลาดโลกที่มีราคาต่ำกว่าราคาแอลพีจีตลาดโลก 40% มีใครบางคนที่เคยออกมาเล่นงานว่า ไม่มีความเป็นธรรมที่จะเก็บเงินจากคนใช้น้ำมันเบนซินมาอุดหนุนคนใช้ก๊าซหุงต้ม ต้องให้รัฐบาลลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มตามกลไกราคาตลาดโลก รวมทั้งเล่นงานปั๊มแก๊สแอลพีจีในรถยนต์ว่ามีกำไรจากค่าการตลาดมากเกินไป และราคาก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ถูกเกินไป ทำให้คนใช้น้ำมันหนีไปใช้ก๊าซแอลพีจีมากขึ้น จึงเสนอว่าควรเพิ่มการเก็บภาษีก๊าซแอลพีจีให้มากขึ้น มาวันนี้ อ้างว่าต้องอุ้มคนใช้ E85, E20 เพื่อช่วยเหลือชาวไร่มันสัมปะหลัง ไม่ทราบว่ามีเมตตาธรรมต่อชาวไร่มันสัมปะหลังหรือต่อโรงกลั่นน้ำมันกันแน่?!?

ใครบางคนยังออกมาคัดค้านสุดตัวที่จะไม่ให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นธุรกิจเอกชนที่หากำไร ควรรับผิดชอบนำเข้าแอลพีจีในราคาตลาดโลก อ้างว่านี่คือการทำลายอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่บริษัทปิโตรเคมีของไทยรายอื่นๆ ที่ไม่มีสิทธิใช้แอลพีจีราคาถูกอย่างเอกชนรายนั้น บริษัทเอกชนรายอื่นสามารถดำเนินกิจการได้อย่างไรโดยไม่ได้รับอภิสิทธิ์แบบนี้?

มาวันนี้ที่ออกมาคัดค้านการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ไม่ทราบเพราะอะไร?จึงต้องปกป้องกองทุนน้ำมันทั้งที่เป็น กองทุนผิดกฎหมายตามการตรวจสอบของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน

รัฐบาลบริหารบ้านเมืองมากว่า 1 ปีแล้ว ยังไม่มีทีท่าจะจัดการคืนความสุขให้ประชาชนด้วยยกเลิกกองทุนน้ำมันที่เป็นภาระอยู่บนหลังของประชาชนเสียที การที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการตรวจสอบกองทุนเล็กๆอย่างสสส. ทั้งที่เป็นกองทุนที่มีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติรองรับ ก็เป็นสิ่งที่ชอบแล้ว และยิ่งควรให้มีการตรวจสอบกองทุนน้ำมันที่ไม่มีกฎหมายรองรับให้มากกว่าปกติ อย่างเช่น

ควรตรวจสอบว่ากองทุนน้ำมันถูกบริหารโดยผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกลุ่มบริษัทพลังงานที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากกองทุนน้ำมันหรือไม่?

ควรตรวจสอบว่าการนำเงินมาอุ้ม E85, E20 ในอัตราสูงมากเป็นการผ่องถ่ายเงินในกองทุน 40,000 ล้านบาทให้หมดโดยเร็วหรือไม่?

ควรตรวจสอบว่าการกำหนดราคาเอทานอลที่สูงกว่าราคาตลาดโลกถึงลิตรละมากกว่า 10 บาทนั้น เป็นราคาที่กำหนดด้วยมาตรฐานใด!?!

เคยมีการตรวจสอบอย่างจริงจังไหมว่า นี่เป็นการล้วงกระเป๋าประชาชนไปเข้ากระเป๋าบริษัทพลังงานอย่างไม่เป็นธรรมหรือไม่!?!

ถ้ารัฐบาลนี้ไม่เร่งตรวจสอบกองทุนน้ำมันซึ่งอยู่ในแดนสนธยา ให้เข้มข้นเหมือนกับที่เอาเป็นเอาตายกับกองทุนที่อยู่ในแสงสว่างเหมือน สสส.แล้วไซร้ ท่านหัวหน้ารัฐบาลต้องตอบกับตัวเองให้ได้ว่า ท่านมีกี่มาตรฐานในการจัดการกับปัญหาคอร์รัปชันในบ้านเมืองนี้”


กำลังโหลดความคิดเห็น