รองหัวหน้าประชาธิปัตย์โอดลำบาก หลัง คสช.ไม่ให้ประชุมกรรมการบริหารพรรค ชี้ปล่อยแบบนี้แล้วมีการเลือกตั้งคงเป็นไปไม่ได้ หวังจะเข้าใจ โยนผู้บริหารแจงปม กทม. ถามให้ทำกิจกรรมบ้างเสียหายตรงไหน วอนทบทวนคำสั่ง ด้าน “นิพิฏฐ์” ชี้ประเด็นราชภักดิ์ต้องดูทุจริตคืออะไร ลงโทษคนทำแล้วหรือยัง รับยังไม่กล้าฟันธง แต่งงเด็กนิติศาสตร์วินิจฉัยไปเสียแล้ว
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้มีการประชุมพรรคว่า ถือเป็นความลำบากในแง่ของข้อบังคับของพรรคเองในเรื่องการรับสมาชิกพรรค การประชุมกรรมการบริหารพรรคที่เป็นอุปสรรคอยู่ ขณะนี้ต้องรอดูความชัดเจนของ คสช.ก่อน ซึ่งตนเชื่อว่าหากปล่อยสถานการณ์ให้เป็นอย่างนี้ แล้วปล่อยให้มีการเลือกตั้งเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกพรรคการเมืองก็ต้องมีเวลาเตรียมตัว เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องมีการดำเนินกิจการทางการเมือง หวังว่า คสช.คงจะเข้าใจ และอาจจะมีแผนบางอย่าง แต่วันนี้ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินกิจกรรมในฐานะพรรคการเมืองได้
เมื่อถามว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปอย่างนี้ ปัญหาต่างๆ เช่น ความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของ กทม.จะกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่ นายเกียรติกล่าวว่า หากเป็นเรื่องการบริงานไม่โปร่งใสของ กทม.ก็เป็นหน้าที่ของผู้บริหารจะชี้แจง ซึ่งตนเห็นว่าก็มีการชี้แจงไประดับหนึ่งแล้ว
“ในส่วนของพรรคไม่สามารถดำนินการใดๆ ที่เป็นทางการได้ ผมอยากถามว่าการที่ปล่อยให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมการได้บ้างมันเสียหายตรงไหน เพราะว่าประชาชนยังพึ่งพาพรรคการเมืองในเวลามีปัญหาในพื้นที่ แต่พรรคไม่สามารถตอบสนองได้ก็ถือเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่ง หวังว่า คสช.คงจะเข้าใจเรื่องนี้ไม่ยาก และทบทวนคำสั่งตามหนังสือร้องขอของพรรคเพื่อให้สามารถเปิดประชุมได้” นายเกียรติกล่าว
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีความรับผิดชอบของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในอุทยานราชภักดิ์ว่า ที่ตนแสดงความเห็นต่างจากคนอื่นเพื่อตามกระแสที่เรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดชลาออกนั้น คงไม่ทำ เพราะไม่เอาแนวนี้ แต่ขอยืนยันว่าตนไม่ได้ปกป้องทหารเพราะก็เห็นต่างจากทหารหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน และเคยโดนเรียกไปปรับทัศนคติเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่เคยรู้จักเป็นส่วนตัวกับ พล.อ.อุดมเดช
นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า ตนขอตั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ คือ 1. มีการทุจริตหรือไม่ ต้องไปดูคำนิยามของคำว่าทุจริตว่าคืออะไร หากเรายังไม่รู้ว่าทุจริตคืออะไรก็ไม่ควรกล่าวหาใคร ทุจริตเป็นคำของกฎหมายมิใช่เกิดจากความรู้สึก 2. หากมีการทุจริตตามข้อ 1 ใครคือคนทุจริตและผู้มีหน้าที่กำกับดูแลได้กระทำการป้องกัน แก้ไข และดำเนินการกับผู้ทุจริตตามสมควรแล้วหรือยัง 3. ประเด็นการเรียกหัวคิว หรือเปอร์เซ็นต์จากโรงหล่อ เป็นการทุจริตหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวินิจฉัย มีข้อเท็จจริงที่ซับซ้อน ตามหลักกฎหมายคงต้องเถียงกันได้เป็นวันๆ ตนทำงานทางด้านกฎหมายมาตลอดชีวิต ยังไม่กล้าฟันธงว่ามีการทุจริตตามคำนิยามของกฎหมายหรือไม่ แล้วนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ปี 2 เทอม 1 หลายคนวินิจฉัยไปแล้วว่า พล.อ.อุดมเดช ผิดมาตราไหน วรรคไหน มันเป็นการพิสูจน์เรื่องฐานแห่งความรู้ กับความเชื่อของคนไทยอีกวาระหนึ่งว่าจะไปทางไหน