xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” สั่งเข้มระวังป่วนเมืองเน้นที่สำคัญ เปรียบเป็นแพขนานยนต์นำประชารัฐถึงฝั่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ สั่งหน่วยมั่นคงเข้มขึ้นดูแลพื้นที่งานปั่นเพื่อพ่อ จัดสายตรวจเคลื่อนที่เร็ว ลาดตะเวนเฝ้าระวังป่วนเมืองถี่ขึ้น เน้นที่ท่องเที่ยว คนพลุกพล่าน จุดกิจกรรมสำคัญ วอน ปชช.ร่วมมือ ปัดเป็นเรือแป๊ะแต่เป็นแพขนานยนต์ หวังนำประชารัฐถึงฝั่งพร้อมกัน ชี้เอาเปรียบแย่งอยู่กลางแพจะตายหมด วอนอย่าติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง บอกวันนี้กำลังแต่งตัวอยู่


วันนี้ (27 พ.ย.) ที่สำนักงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2559 เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงว่า ได้สั่งการให้มีการเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้น เพราะจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยได้ย้ำให้ดูแลเรื่องการจราจร ความแออัด และเน้นกระตุ้นการท้องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ตลอดช่วงปี และแบ่งการท่องเที่ยวเป็น กลุ่มๆ ในแต่ละเรื่อง เช่น การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การสาธารณสุข วัฒนธรรม การท่องเที่ยวต่อเนื่องเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้านในอาเซียน ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม โดยให้เป็นทริปเดียวกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังให้พิจารณาว่าหากนักท่องเที่ยวหนาแน่นมากขึ้นในเส้นทางการเดินทางท่องเที่ยวเช่นสนามบิน ให้ปรับแผนว่าจะต้องปรับวงจรกันอย่างไรในการท่องเที่ยวประเทศไทยโดยร่วมมือกับ สภาการท่องเที่ยว บริษัทท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศ หรือแม้แต่รัฐบาลต่อรัฐบาลว่าจะช่วยกันส่งเสริมอย่างไร ซึ่งตนเคยหารือกับนายกฯญี่ปุ่น เพราะบางจังหวะเขาจะต้องขอชะลอเดินทางเข้าของนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีความหนาแน่นมากเกินไปในการเข้าไปเที่ยวกรุงโตเกียวสูงมากถึง 6 แสนราย ทั้งๆ ที่เขารับได้เพียง 4 แสนรายเท่านั้น และปีที่ผ่านมาสูงถึง 9 แสนรายด้วยกัน ส่วนประเทศไทยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเจ้ามาถึง 28-29 ล้านราย และปีหน้าก็อาจจะสูงกว่านี้ ดังนั้นจึงต้องช่วยกันระมัดระวังในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ให้มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น

“เพราะฉะนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุด คือ ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ เพราะถ้าฝากตำรวจ ทหารเพียงอย่างเดียวคงไปไม่รอด เพราะคนมีจำนวนมาก และตำรวจ ทหารก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ตรอกซอกซอยแถวนั้นเขาไม่รู้พื้นที่ เขารู้อย่างเดียวคือว่าเกิดเหตุขึ้น ดังนั้น ต้องเริ่มต้นที่การช่วยกันเฝ้าระวัง คนในพื้นที่ต้องช่วยกันระวัง ผมสั่งไปแล้วว่าให้เปิดช่องทางในการแจ้งเหตุว่าที่ไหนอย่างไร และช่วงนี้จะสั่งให้มีการประชาสัมพันธ์ว่าเนื่องจากมีกิจกรรมสำคัญหลายอย่างในช่วงนี้ จากนี้จะมีสายตรวจ มีชุดเคลื่อนที่เร็ว มีเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร เพื่อสร้างความมั่นใจ ก็ขอว่าอย่าตื่นตระหนกก็แล้วกัน จะมีทั้งตำรวจทหาร มอเตอร์ไซค์ รถปิกอัพ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่รถติด มีความเสี่ยง เส้นทางที่สำคัญ จะมีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เรื่องการข่าวก็จะให้หน่วยข่าวในพื้นที่ได้ติดตามดำเนินการตรวจสอบ ความเคลื่อนไหว เหมือนที่ได้มีการตรวจสอบแล้วพบการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา ผมให้เป็นเรื่องของกระทรวงยุติธรรม เพราะใครก็ปฏิเสธได้ทั้งนั้น แต่กฎหมายว่าอย่างไร หลักฐานว่าอย่างไร ใครก็ปฏิเสธไม่ได้ หากวันนี้สารภาพ วันหน้าปฏิเสธอักก็ต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการยุติธรรม ไม่อย่างนั้นก็จะถูกกล่าวหาว่า จับแล้วปล่อย จับแล้วปล่อย ดังนั้นต้องนำเข้ากระบวนการของศาล ซึ่งศาลมีขั้นตอนทุกอย่าง ไม่ใช่ไปกลับคำให้การถึงจะต้องมีอาชีพทนายความ และขอฝากคนในอาชีพนี้ว่า สิ่งใดที่ทำให้ประเทศชาติเสียหาย หากแก้ให้เขามากๆ มองแต่เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว คนเหล่านี้ก็ได้ใจตลอด เคยตัว แล้วก็มีแต่จะแรงขึ้นๆ อยู่กับกฎหมายใช่ช่องว่างของกฎหมายเอามาเรียนรู้ กระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายเลย จึงต้องสร้างการเรียนรู้ให้มากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หนังสือพิมพ์มีบทบาทสูงที่จะช่วยรัฐบาล ช่วยประเทศชาติให้มีความสงบเรียบร้อย เพราะทราบอยู่แล้วว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรดีไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็อย่าไปขยายความ อย่าไปเสริม เดี๋ยวก็เบาลงเอง ไม่ใช่กลายเป็นว่า เอาข้างหนึ่งมาเจอมาชนกับอีกข้างหนึ่ง อย่างตนพูดอะไรผิดนิดหน่อยก็เอาไปให้ทางโน้นมาเล่นงาน บ้านเมืองมันถึงไม่สงบ แล้วจะสงบสุขกันได้อย่างไร ซึ่งตนทราบดีว่าพวกเราเข้าใจกันหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีพื้นที่จุดใดล้างที่จะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย นายกฯ กล่าวว่า พื้นที่จัดงานปั่นเพื่อพ่อ BIKE FOR DAD สถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก พื้นที่ที่มีความเสียงมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก การจราจรติดขัด ถนนแคบๆ เหล่านี้ต้องดูทั้งหมด และถ้ามีเหตุการณ์สำคัญยังต้องจัดกำลังดูแลบนที่สูงด้วยเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ไม่ได้เป็นการทำร้ายใคร ประชาชนก็ต้องคอยดู หากเจ้าหน้าที่เขาขึ้นไปบนที่สูง ก็เพื่อขั้นไปดูแลไม่ได้แอบขึ้นไปทำอะไร เข้าหน้าที่เขาจะมีการแบ่งงานกันระหว่าง ตำรวจ ทหาร และประชาชนจะต้องร่วมมือกันถึงจะเรียกว่าเป็นประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านความมั่นคง จะให้ยาวไปถึงช่วงเทศกาลปีใหม่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ดูแลไปตลอดในช่วงที่รัฐบาลผมยังอยู่ ในเมื่ออยู่กันเงียบๆ ไม่ได้ แล้วมีเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมา ก็ต้องดูแลกันใหม่มากขึ้น สร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ก็อย่าไปบั่นทอนความเชื่อมั่นไม่ใช่ไปบอกว่าทหารออกมา ตำรวจออกมาเยอะๆ สร้างความตื่นตระหนก สร้างความเสียหาย แล้วเวลาพวกมันทำประเทศเสียหายหรือไม่ ผมพยายามทำไม่ให้เสียหายแต่ก็พยายามจะกลับไปที่เก่า แล้วคนที่ถูกจับมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องหรือยัง ซึ่งทางตำรวจได้รายงานผมมาแล้ว แถลงข่าวไปแล้ว ในเมื่อเป็นหน้าที่ที่ผมมอบนโยบายไป คนรับผิดชอบก็ไปทำงานมา รายงานหัวหน้าเขา ไม่ใช่ว่าผมต้องรู้ทุกเรื่อง ถ้ารู้ทุกเรื่องก็ตายน่ะสิ แต่ผมเองก็ต้องรู้ทุกเรื่องเพื่อเอาไว้ตอบสื่อ ตอนนี้ก็กำลังสอบสวนต่อ จับมา 9 คน หนีได้ 7 คน ที่เหลือก็ตามจับอยู่ ต้องตามจับให้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรทั้งสิ้น ก็ตามจับอยู่”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปรียบเทียบรัฐบาลในวันนี้ว่า เสมือนนำเรือข้ามแม่น้ำ 5 สาย ไม่ใช่เรือแป๊ะ แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกก็ไม่เป็นไร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ แต่ตนไม่ใช่แป๊ะ พอพูดถึงเรือแป๊ะ สื่อก็จะบอกว่าต้องตามใจแป๊ะ แต่ความหมายของเรือแป๊ะถ้าเป็นเรือจ้างเรือแจวก็จะต้องมีคนรับจ้างพายข้ามฟากก็ต้องตามใจคนพาย อยู่ดีๆ จะบอกว่าไม่ขอไปเส้นโน้น ขออ้อมไปเส้นนี้ได้หรือไม่ เขาไม่ไป เพราะจะตายเปล่าๆ นั่นแหละเขาเรียกว่าตามใจแป๊ะแจวเรือจ้าง

“ผมไม่ใช่เรือจ้างพาพวกท่านไปส่ง แต่ผมเป็นแพและเป็นแพขนานยนต์ด้วยซ้ำ ต้องไปให้เร็ว และต้องไปด้วยกันทั้งหมด ขึ้นแพใหญ่ๆ ไป แค่เรือจ้างเรือแป๊ะไม่พอ เพราะผมต้องเอาคนทั้งหมดไป เอาประชารัฐไป ถ้าทุกคนแยกเรือกันไปมันจะไปไม่ได้ ติเรือทั้งโกลน ติโขนยังไม่ทรงเครื่อง เหมือนกันแหละ แต่งตัวไม่เสร็จมันจะสวยงามได้อย่างไร วันนี้กำลังแต่งตัวอยู่ สื่อเคยได้ยินบ้างไหมคำพวกนี้ ไปอ่านนิทานอีสบกันบ้าง ติเรือทั้งโกลนขณะที่ยังสร้างไม่เสร็จจะไปติทำไม มันเสร็จแล้วก็ไม่ไป ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมก็พูดของผมไปด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า แพขนานยนต์ของนายกฯ จะแตกก่อนปี 60 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “อยู่ที่เธอ ไม่ได้อยู่ที่ฉัน ฉันต่อแพแล้ว ท่านจะทำให้แพแตกก็เรื่องของท่าน ก็จมน้ำกันไป ผมว่ายน้ำเป็นอยู่แล้ว ถ้าไม่ไปด้วยกัน ตายหมด นอกจากว่ายน้ำไม่เป็นยังโดนเหยียบกันตาย เพราะมันแย่งกันทะเลาะกัน เอาเปรียบกัน ต่างคนอยากอยู่ตรงกลางแพ ริมแพไม่มีใครอยู่ ฉะนั้นอย่าลืมว่าทั้งหมดต้องไปด้วยกัน มันต้องค้ำถ่อไปทุกด้าน เท่าเทียมกัน ถ้าค้ำซ้ายอย่างเดียวก็เลี้ยวขวาตลอด มันต้องค้ำหลัง ค้ำซ้าย ค้ำขวา สื่อต้องสอนคนอย่างนี้ เด็กเล็กจะได้เข้าใจ อย่าไปเขียนศัพท์สวิงสวายจะไม่รู้เรื่อง”


กำลังโหลดความคิดเห็น