เพชรบูรณ์ - ชาวเมืองมะขามหวานแสดงพลังเรียกร้องขอทางรถไฟผ่านเพชรบูรณ์ ผู้ว่าฯ ชี้หากเกิดขึ้นจริงจะพัฒนาเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เชื่อคุ้มค่าให้ ร.ฟ.ท.ลงทุน พร้อมเปิดเวทีใหญ่ 1 เม.ย.นี้
วันนี้ (22 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสการรณรงค์เรียกร้องให้รัฐบาลพัฒนาเส้นทางรถไฟผ่านเพชรบูรณ์ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การจัดทำป้ายไวนิล สติกเกอร์ หรือแม้กระทั่งการเขียนข้อความสนับสนุนแบบง่ายๆ ลงบนกระดาษ ประชาชนทุกระดับทั้งกลุ่มเด็ก และเยาวชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจภายในจังหวัด ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าทั้ง 11 อำเภอทั่วจังหวัด ต่างก็พากันออกมาร่วมสนับสนุนเรียกร้องในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ ในสื่อโซเชียลมีเดียก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรณรงค์ โดยมีการโพสต์ภาพกิจกรรมการแสดงออกเรียกร้องให้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หันมามองจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งมีความพร้อมทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท้องเที่ยว รวมทั้งสภาพพื้นที่เหมาะสมคุ้มค่าต่อการลงทุน
นายบัณฑิตต์ เทวีทิวารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า เป็นการแสดงออกของชาวเพชรบูรณ์ถึงความต้องการอย่างแท้จริง ทุกคนต่างมีความเห็นร่วมกันว่าการบริการสาธารณะระบบรางชนิดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนในพื้นที่และในจังหวัดใกล้เคียง นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ในขณะที่ทางจังหวัดเองก็ให้การสนับสนุน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย พิจารณาเลือกแนวก่อสร้างเส้นทางสายนี้ และทำให้เกิดขึ้นจริง หลังจากที่คนเพชรบูรณ์รอคอยกันมาอย่างยาวนานมาก
นายบัณฑิตต์กล่าวว่า การวางเส้นทางระบบรางผ่านเพชรบูรณ์นั้น นอกจากจะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อไปยังจังหวัดเลยแล้วยังจะเชื่อมต่อไปยังประเทศลาว ผ่านทางอำเภอท่าลี่ซึ่งปัจจุบันก็มีเส้นทางคมนาคมอยู่แล้ว ฉะนั้นด้วยความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ และเป็นระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือใต้อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งจะคู่ขนานกับไปกับเส้นทางพิษณุโลก-กรุงเทพฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะคุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
“วันที่ 1 เมษายนนี้ ทางจังหวัดจะร่วมกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด รวมทั้งชาวเพชรบูรณ์ทุกภาคส่วน จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น พร้อมทั้งเชิญผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง ร.ฟ.ท.และบริษัทที่ปรึกษามาแลกเปลี่ยนหรือรับทราบข้อมูล ถึงความเหมาะสมในการลงทุนก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายลำนารายณ์ เพชรบูรณ์ เลย และหนองบัวลำภู”