“บิ๊กตู่” เผยเงินประมูล 4 จี ให้กระทรวงการคลังนำเข้างบกลางเพื่อใช้ดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในโครงการเร่งด่วนที่ดำเนินการอยู่ ส่วนข่าวผู้ว่าฯ การเคหะลาออกไม่ต้องเป็นห่วง ไร้ผลกระทบ มีคนอื่นทำงานต่อได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเงินที่ได้จากการประมูลประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz ชุดที่ 2 ความถี่ 1725-1740 MHz คู่กับ 1820-1835 MHz ว่า จะนำมาใส่ในงบของรัฐบาลเนื่องจากรัฐบาลมีเรื่องที่ต้องดำเนินการหลายอย่างจึงไม่จำเป็นต้องนำงบส่วนนี้ไปทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่เอาง่ายๆ ว่าจะต้องไปทำในสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ เงินประมูลทั้งหมดก็มาถูกแก้ไขในรัฐบาลนี้ แต่ก่อนหน้านี้ดำเนินการอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตามจะแบ่งเงินจากส่วนนี้เอาเข้างบกลางของกระทรวงการคลังเพราะถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐซึ่งมีแผนงานที่รองรับอยู่แล้ว แล้วมาตรการเร่งด่วนที่ต้องทำเพื่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาในมิติอื่นๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องเร่งดำเนินการในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องที่ต้องลงทุนโดยรัฐ การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) หรือการลงทุนโดยต่างประเทศ ซึ่งจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนให้ได้โดยเร็ว แต่ในส่วนความร่วมมือในต่างประเทศ การเจรจาถือว่ามีความสำคัญเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่าจะเกิดขึ้นได้แน่นอน เริ่มต้นได้ในรัฐบาลนี้จะต้องเกิดขึ้นให้ได้ อย่างน้อยก็ให้เป็นพื้นฐานหรือโครงการเริ่มต้นเพื่อให้รัฐบาลหน้าสานงานต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวนายกฤษดา รักษากุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหลังถูกกดดัน การทำงานล่าช้าเกี่ยวกับแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงว่า “ทำไม ก็ลาออกแล้วทำไม แล้วลาออกกับใคร ผมก็รู้ว่ามีการทำงานอยู่ข้างใน ผมก็บอกให้ทุกกระทรวงไปขับเคลื่อน ถ้าใครมีประสิทธิภาพก็ทำต่อไป ใครไม่มีประสิทธิภาพก็ให้พิจารณามา ถ้ามีความผิดก็ลงโทษ ก็แล้วแต่ท่าน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากจะออกในระหว่างที่รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ลาออกได้ทั้งหมด ลาออกได้เลย ใครอยากลาออกก็ลาออกไป เมื่อถามย้ำว่าหากนายกฤษดาลาออกไปจะกระทบต่อการจัดที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยที่เป็นนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่กระทบ จะกระทบตรงไหน อีตาคนนี้ทำได้คนเดียวหรือ เขาก็เริ่มต้นมา ส่วนคนใหม่ก็มาทำ พอเขาไม่ทำตามเพราะชอบคิดว่าไอ้คนโน้นคนนี้ทำมาก่อน ผมไม่ใช่คนทำเอง แต่เป็นคนกำหนดนโยบายกำกับดูแลแล้วมีคนแปลงไปสู่การปฏิบัติและการขับเคลื่อน ซึ่งผมก็ดูแลทุกกระบวนการ เพราะฉะนั้นหน้าที่มันคนละส่วนกัน เวลาจะไปทำต้องดูไส้ในข้างล่างมัน รัฐบาลวางโครงการหรือสนับสนุนไปทุกเรื่อง ทุกกระทรวงก็ของบประมาณมาหมด ทั้งงบประจำ งบปกติ งบกลาง แต่เมื่อถึงเวลาไปดำเนินการถ้ามีทุจริตตรงไหนก็ไปว่ากันตรงนั้นก็แค่นั้น ไม่ใช่รัฐบาลต้องไปรับผิดชอบในภาพรวม” นายกฯ กล่าวและว่า “แต่อีกคดีหนึ่งรัฐบาลรับผิดชอบไหม เป็นนโยบายจำนำข้าวใช่ไหม”