นายกฯ ส่งกุนซือไปสถานทูตฝรั่งเศส มอบสารแสดงความเสียใจต่อเอกอัครราชทูต พร้อมยืนเคียงข้างโลกประณามอาชญากรรมที่ชั่วร้าย ด้านโฆษกรัฐบาลเผย “ประยุทธ์” พร้อมให้ความร่วมมือป้องกันเหตุร้ายกับนานาชาติ ขอทุกฝ่ายช่วยเป็นหูเป็นตา
วันนี้ (17 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมายให้ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เพื่อมอบสารแสดงความเสียใจแก่นายจิลส์ การาชง (Mr.Gilles Garachon) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย โดยเนื้อความในสารดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในนามของรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยขอแสดงความเสียใจและเห็นใจอย่างสุดซึ้ง ทั้งต่อรัฐบาลฝรั่งเศส และต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจะเป็นกำลังใจให้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยประเทศไทยจะยืนเคียงข้างประชาคมโลกในการประณามอาชญากรรมที่ชั่วร้าย และแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลและประชาชนแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส
โดยโอกาสนี้ นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ยังได้ลงนามไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่กรุงปารีส และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสงบเรียบร้อยจะกลับมาสู่ปารีสในเวลาอันรวดเร็วนี้ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสแสดงความขอบคุณและรู้สึกซาบซึ้งใจรัฐบาลไทยและประชาชนไทยที่ได้ให้กำลังใจและส่งความห่วงใยให้แก่ชาวฝรั่งเศสต่อเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ โดยวานนี้ (16 พ.ย.) นางฐะปาณีย์ อาจารวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำแจกันดอกไม้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์รุนแรงในฝรั่งเศสและเพื่อให้กำลังใจประชาชนชาวฝรั่งเศสมอบให้แก่ Mr. Sylvain Fourriere อุปทูตประจำสถานทูตฝรั่งเศส ทั้งนี้ อุปทูตมีความซาบซึ้งในน้ำใจของนายกรัฐมนตรี และฝากขอบคุณรัฐบาลไทยและประชาชนชาวไทยที่ร่วมส่งกำลังใจให้ฝรั่งเศสในห้วงเวลาอันยากลำบากนี้
ขณะที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการในที่ประชุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ว่า จากการก่อเหตุในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยมาตรการที่ประเทศไทยเรามี คือ การดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศ เน้นสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวง การแบ่งปันผลประโยชน์ อะไรที่เป็นมาตรการทางสากลที่เขาขอความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในการป้องกันการก่อเหตุร้าย เราก็ให้ความร่วมมือกับนานาประเทศเหมือนกับประเทศอื่นๆ แต่ประเทศไทยไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า เมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ทุกประเทศจะยกระดับมาตรการในการรักษาความปลอดภัย ช่องทางการเข้าออกโดยเฉพาะบริเวณสนามบิน ซึ่งมาตรการเราคงไม่ได้แตกต่างจากประเทศอื่นๆ ดำเนินการในลักษณะเช่นเดียวกัน ถือเป็นมาตรฐานสากล
“สิ่งหนึ่งที่ท่านนายกฯ เน้นย้ำ คือ ในช่วงโอกาสต่อๆ ไป ทั้งเทศกาลลอยกระทง และกิจกรรมต่างๆ มากมายในช่วงท้ายปี เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และภาครัฐดำเนินการกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ความสำเร็จของการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ให้เกิดความสบายใจนั้น ทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชน คือเอกชนและประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ตรงไหนเห็นอะไรผิดสังเกตให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ขณะที่ภาคเอกชนตามย่านธุรกิจต่างๆ จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของตัวเอง เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติไม่ใช่ยืนเฝ้าเฉยๆ ต้องระวัง สังเกตให้ดี เมื่อมีเหตุเกิดใครจะต้องปฏิบัติภารกิจอะไร อำนวยความสะดวกอะไร ติดต่อประสานงานอย่างไร ทุกคนจะต้องปฏิบัติเพราะเป็นหลักสากล ภาคเอกชนและประชาชนต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องเหล่านี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อบ้านของเรา สิ่งที่นายกฯ เน้นย้ำไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องการให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้มาตรการทั้งหลายเกิดผลสำเร็จ” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว