นายกรัฐมนตรีถามรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสนอชื่อนายกฯ พรรคการเมืองเลือกใช่หรือไม่ จวกอย่าให้ประชาธิปไตยเป็นภาพลวงตา ชี้ถ้าเลือกแล้วได้คนดี ไม่สร้างปัญหา ทำชาติเจริญ ปลอดภัย ไม่ขัดแย้ง นั่นคือประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะเข้าใจสักที ถ้าคิดแบบเดิมมันก็ได้แบบเดิม สับคนในประเทศไม่กี่คนบอกว่าตนปิดกั้น ถ้าทำจริงตนก็ไม่หงุดหงิดแต่ไม่เคยห้ามสักคน ฉะไอ้คนที่อ้างว่าเรียกมาคุยบอกเอามาทำร้ายแย่มาก
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวย้อนถามสื่อมวลชนถึงกรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอแนวทางที่มานายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า “เรื่องนี้ใครเป็นคนเสนอนายกรัฐมนตรีคนนอก สื่อมวลชนต้องเขียนอธิบาย และไปถามนักการเมืองบ้างว่าเป็นตัวท่านจากสมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตามที่มีข่าวกล่าวอ้างมาว่ามีการเอานายกฯ คนนอกเข้ามาเนื่องจากเกิดการระแวงทหาร เรื่องนี้ต้องกลับไปถามว่าที่ทำมาทั้งหมดใครเป็นคนเสนอรายชื่อ พรรคการเมืองใช่หรือไม่ แล้วเสนอส่งเดชส่งรายชื่อกันเข้าไป 5 คน ถามว่าเป็นการเลือกจี้แล้วส่งหรือไม่ ถ้ารายชื่อทั้ง 5 คน ยอม เขาก็ไปด้วย แต่ถ้าเขาไม่ยอมจะเอาเขาไปได้อย่างไร แล้วคนที่ส่งรายชื่อที่เห็นชอบมาก็พรรคการเมืองทั้งสิ้น ที่เป็นคนเสนอเลือกรายชื่อ 5 คนนี้มาจะรับหรือไม่ ถึงใครอยากจะไปเอาใครมาก็ตาม”
นายกฯ กล่าวอีกว่า “ผมถามว่าในพรรคการเมือง ยอมรับกันทั้งหมดหรือไม่ ปัดโธ่ สอนคนจนเพี้ยนติดกันไปหมด บ้านเมืองจะเอาดี ประชาธิปไตยก็จะเอาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ปัญหาช่างมัน อยู่ได้ประเทศไทยอย่างนี้อยู่ได้ คิดกันแบบนี้หรือ อย่าให้ประชาธิปไตยเป็นภาพลวงตา ว่ามีประชาธิปไตยแล้ว เลือกตั้งแล้ว นี่คือภาพลวงตา ถ้ามันไม่ใช่ภาพลวงตา เลือกตั้งมาได้คนดีมาบริหารราชการแผ่นดิน ไม่สร้างปัญหาเรื่องโน้นเรื่องนี้ต่างๆ แล้วประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ปลอดภัย ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง นั่นแหละคือประชาธิปไตยที่เป็นข้อเท็จจริง การที่มอบอำนาจให้กับใครก็ตามไปใช้นั่นคือประชาธิปไตย แต่คนที่ท่านมอบให้ไปเขาทำอย่างที่ท่านต้องการหรือไม่ หรือเอาหน้าไปให้เขาแล้วเสร็จ จบ เขาจะทำอย่างไร ปู้ยี้ปู้ยำก็เอา ก็เอาสิ เลือกอย่างนั้นก็เอา เมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที ผมไม่รู้นะถ้ายังคิดกันแบบเดิม เอาแบบเดิม เอารูปแบบเก่า วิธีการเก่าๆ มันก็ได้แบบเดิม คุณจะเอาอะไรมาดีกว่าเดิม”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ย้อนถามสื่อต่ออีกว่า “จะถามอะไรอีกหรือไม่” ผู้สื่อข่าวได้ชี้แจงกลับว่า “ครบทุกประเด็นแล้ว สักครู่นายกฯ ต้องไปพบรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ต่อ เกรงว่าจะไม่ทันเวลา” ขณะที่นายกฯ กล่าวตอบว่า “ผมเป็น เรื่องนี้ผมเป็น ถ้าเรื่องในประเทศผมหงุดหงิด แต่กับต่างประเทศผมยิ้มแย้มแจ่มใสกับเขาอยู่แล้ว เขาก็คุยดีกับผม เหลือแต่คนในประเทศนี่แหละไม่กี่คนแล้วบอกว่าผมปิดกั้น ผมปิดกั้นตรงไหน ถ้าปิดกั้น ผมก็ไม่ต้องหงุดหงิด ก็ไม่ต้องพูด ปิดปากไป เอาพลาสเตอร์ปิดปากไปไม่ต้องพูด ผมไม่เคยปิดห้ามใครสักคน พอเรียกมาคุยก็บอกเอามาทำร้าย ไอ้คนแบบนี้ผมว่ามันแย่นะ”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ได้หยุดและหันมามองผู้สื่อข่าว จนกระทั่งผู้สื่อข่าวถามกลับว่า “นายกฯ มีอะไรหรือเปล่า” จากนั้นนายกฯ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวไปว่า “ถามสิอะไรที่เป็นประโยชน์ อยากได้อะไรก็บอก ไม่ได้ติดใจอะไร มีอะไรก็ถาม”