“ธนะศักดิ์” มอบโล่รางวัลภาพถ่ายงานปั่นเพื่อแม่ เตรียมกำหนดหัวข้อถ่ายงานปั่นเพื่อพ่อ แจงต้องช่วยกันไม่ให้เกิดปัญหา เชื่อเรียบร้อย พรุ่งนี้เริ่มซ้อม เผย ครม.ยังไม่ถก 11 ธ.ค.หยุดราชการหรือไม่ ย้ำทุกชาติมีกติกาแนวทางของตัวเอง ไทยมีวัฒนธรรมมีความจงรักภักดี ต้องช่วยกันอย่าให้ขยายผล ม.112 ชี้ป่วยแก่เจ็บตายเรื่องธรรมดา ผู้เกี่ยวข้องแจงหมดแล้ว กองทัพไม่เกี่ยว แนะสื่อควรพูดมุมที่ดี
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบโล่รางวัลการประกวดภาพถ่ายในกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ทั่วแผ่นดิน” เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2558 เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 83 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2558 แก่ผู้ชนะการประกวดภาพถ่าย 5 หัวข้อ จำนวน 60 รางวัล
โดยภายหลังการมอบรางวัล พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีที่ลูกมีต่อแม่ของแผ่นดิน โดยเห็นได้จากที่มีคนส่งภาพเข้ามาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยภาพถ่ายที่มีการส่งเข้ามาจะคัดเลือกเพื่อนำไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกเผยแพร่ต่อไป สำหรับกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อ : Bike For Dad” ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ทางคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดหัวข้อในการประกวดภาพถ่ายว่าจะออกในลักษณะใด คาดว่าจะทราบในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ทุกหน่วยงานร่วมมือกันเพื่อให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จ ส่วนปัญหาที่มีหลายฝ่ายกังวลในระหว่างจัดกิจกรรมนั้นต้องบอกว่าทุกที่มีปัญหา แต่เราต้องช่วยกันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว เพราะการจัดงานครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เชื่อว่าทุกฝ่ายจะร่วมมือกันให้ออกมาได้อย่างเรียบร้อย ยืนยันว่าการทำงานจะเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตาม การซักซ้อมในเบื้องต้นคาดว่า การซ้อมย่อยจะเป็นวันที่ 14, 16 และ 29 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับการรับมอบเสื้อพระราชทาน ในระหว่างนี้จะมีการแบ่งกลุ่มต่างๆ เพื่อซักซ้อมเตรียมความพร้อมในแต่ละส่วน
พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลมีมติไม่กำหนดให้วันที่ 11 ธันวาคมเป็นวันหยุดราชการนั้น ยืนยันว่าการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมายังไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้เสนอเข้าที่ประชุมเพื่อขอความเห็นชอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล การซักซ้อมปั่นในแต่ละเส้นทาง ผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ เพื่อนำมาประมวลว่ามีปัญหาที่จุดใดบ้าง และสมควรจะต้องประกาศเป็นวันหยุดหรือไม่ ก่อนจะนำเสนออีกครั้งในเร็วๆ นี้
พล.อ.ธนะศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 ซึ่งสื่อมวลชนต่างประเทศเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตพร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์จะต้องระมัดระวังอย่างไรเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศว่า ความจริงทุกประเทศล้วนมีปัญหาทั้งสิ้น อยู่ที่ว่าเราจะไปขุดคุ้ยให้เป็นปัญหาหรือไม่ และทุกประเทศก็ย่อมมีกฎกติกาที่จะดำเนินการ
“บางคนหน้าเป็นสิวสองสามเม็ด แล้วไปพูดว่าเป็นสิวน่าเกลียดก็พูดได้ แต่ความจริงมีสิวบนหน้าแค่เม็ดสองเม็ดเอง เพราะฉะนั้นทุกอย่างมีกฎกติกาและความเป็นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ดำเนินการตามกฎระเบียบกติกาอย่างโปร่งใส แต่ละประเทศก็มีแนวของตัวเอง บ้านเราถ้าบอกให้ใช้มีดซ้อมกินข้าว ผมว่ามันก็ไม่ใช่ แต่ที่สำคัญคือประเทศไทยเป็นคนดี มีวัฒนธรรม มีพื้นฐานที่ดี มีความจงรักภักดี แล้วบางคนที่มาติเตียน ก็ลองดูการจัดอันดับว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 1 หรือ 2 ของโลก สลับกันไปมากับกรุงลอนดอน” พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีคนนำประเด็นนี้ไปขยายผลต่อ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ทุกคนต้องร่วมมือ ถือเป็นงานของคนไทยและประเทศไทย เพราะฉะนั้น ถ้าทุกคนรักประเทศอยากให้ประเทศสง่างามก็ต้องช่วยกัน เมื่อถามย้ำว่าบางฝ่ายอาจจ้องโจมตีกองทัพและรัฐบาลด้วยประเด็นนี้ พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า เราเป็นคนไทย ถ้าเรารักคนไทยก็ต้องร่วมกัน เพราะประเทศไทยยังคงต้องอยู่ต่อไปตลอดกาล ถ้าอยากอยู่ให้หล่อให้ดี ทุกคนก็ต้องช่วยกัน เพราะนี่คือบ้านเรา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการตายของผู้ต้องหาในคดี 112 ซึ่งเริ่มมีคำถามต่างๆ ตามมา พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งการ ป่วย แก่ เจ็บ ตาย ถือเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่อยู่ที่ว่าคนที่หวังดีหรือไม่หวังดีจะมองมุมไหนเท่านั้นเอง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นจะสั่นคลอนความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อกองทัพหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกองทัพ เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการ และทุกอย่างมีขั้นตอนโปร่งใส ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงชัดเจนทั้งหมดแล้ว ก็อยู่ที่สื่อมวลชน ถ้าเขียนให้ดีก็ดี ถ้าเขียนไม่ดีก็ไม่ดี บางครั้งตีข่าวไม่จริงออกไป มันก็ไม่ใช่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศประมาณ 1 ปี ก็เห็นว่าต่างชาติต่างต้อนรับเราหมด หรือการที่เขาเลือกไทยเป็นประธานกลุ่ม จี 77 ก็ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงในภาพใหญ่ จึงอยากให้มองในภาพนี้มากกว่ามองในจุดที่คนบางคนบ่อนทำลาย จึงควรพูดในมุมที่ดีของประเทศที่มีอยู่มากมาย