ป.ป.ช.เผยความคืบหน้า 28 คดี ชี้มูล-ฟันอาญา ข้าราชการ-นักการเมืองท้องถิ่น-หมอ-ครู-พยาบาลในรอบเดือนที่ผ่านมา ฟัน “บิ๊กการบินไทย” ผิดวินัยร้ายแรง ขายตั๋ว สนง.สาขาลอนดอนต่ำกว่าราคากำหนด ฟันอาญาอดีตอธิการบดี ม.ราชภัฏชัยภูมิ ทุจริตถมดิน ฟันอาญา ขรก.ที่ดินเกาะสมุยออก น.ส.3 ก.มิชอบ พบส่วนใหญ่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง รวมทุจริตด้วยการสนับสนุน พร้อมฟัน 10 ผู้บริหารท้องถิ่นไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ตัดสิทธิการเมือง 5 ปี
วันนี้ (12 พ.ย.) มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่เอกสารความคืบหน้าเรื่องที่มีการกล่าวหาร้องเรียนและความผิดในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในส่วนกลางและต่างจังหวัดในเดือนที่ผ่านมา โดยมีการชี้มูลความผิดไปทั้งสิ้นจำนวน 28 คดี เช่น กรณีกล่าวหานายชาญชัย สิงโตโรจน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นายทองน้อย ทองเจือ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท การบินไทย ประจำสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ นายพันธุวัฒน์ โกมารกุล ณ นคร ผู้จัดการทั่วไปบริษัท การบินไทย ประจำสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ และนายชาลี ภมรมนตรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท การบินไทยประจำสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ว่ามีพฤติการร่วมกันขายบัตรโดยสารที่สำนักงานสาขาลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่ำกว่าราคาที่กำหนด และไม่ควบคุมดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำข้อตกลงให้ตัวแทนจำหน่ายขายบัตรโดยสารในราคาต่ำกว่าราคาที่กำหนด เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงจึงได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแล้ว
ทั้งนี้ ยังระบุถึงกรณีกล่าวหา ผศ.ดร.พิชัย ละแมนชัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการดำเนินการจัดจ้างโครงการปรับถมดินบริเวณโรงเรียนน้ำพุ และบริเวณสนามกอล์ฟโดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบ จนเป็นเหตุให้ราชการได้รับความเสียหายนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาและมีมติชี้มูล ผศ.ดร.พิชัยว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและมีความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 จึงได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยพร้อมทั้งส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาต่อไป
ขณะที่ยังมีคดีที่กล่าวหาผู้บริหารและบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาและมีมติชี้มูลไป ได้แก่ คดีที่กล่าวหานายเจริญ จันทร์ปาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิมุข อินทร์ดำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย และนางวนิดา วิชัยดิษฐ์ หรือวิชัยดิษฐ ทุจริตในการออก น.ส.3 ก. เลขที่ 3936 ม.5 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎ์ธานี โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลนายเจริญว่ามีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขณะที่นายวิมุขมีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง นางวนิดามีความผิดทางอาญาฐานผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ส่วนความผิดทางอาญานั้นได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป
กรณีกล่าวหานายสมจิตต์ กุ้ยอ่อน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ขอใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ที่ขึ้นบัญชีไว้ โดยระบุชื่อและลำดับที่ของผู้สอบแข่งขันได้ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนระดับ 3 โดยมิชอบมีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายไพโรจน์ ทองปลิว นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดง นายเจริญชัย ภุมรินทร์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าแดง นายจีระศักดิ์ เงื่อนจันทร์ทอง นายสนั่น ธรรมรังศรี ราษฎรที่ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจการจ้างอำเภอชาติตระการ เรียกรับเงินจากผู้กล่าวหาเพื่อตอบแทนการจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างถนนหินคลุก ซอยนครไทย-ชาติตระการ 14 กล่าวหานายไพโรจน์มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ แต่นายไพโรจน์พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วจึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ถอดถอนอีก แต่ให้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ นอกจากนี้ นายไพโรจน์มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157
กรณีกล่าวหานายเจริญชัยมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 161 กล่าวหานายจีระศักดิ์ เงื่อนจันทร์ทอง และนายสนั่น ธรรมรังศรี มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนนายไพโรจน์ และนายเจริญชัยกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 161 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 265 กรณีมูลความผิดทางวินัยได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัย และกรณีมูลความผิดทางอาญาได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายบุญนาค แสงอ่อน นายก อบต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม เรียกรับผลประโยชน์จากการกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ประจำปี 2553 มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ฯ แต่นายบุญนาคฯพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ถอดถอนอีก แต่ให้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ นอกจากนี้ นายบุญนาคมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายพิบูลย์ แพนพา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอ นายเดชา นาใจตรอง ปลัดอำเภอ นายสัมฤทธิ์ พันทองคำ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 ที่ว่าการอำเภอหนองพอก ร่วมกันตรวจรับและเบิกจ่ายเงิน ค่าซ่อมแซมอาคารที่ว่าการอำเภอและบ้านพักข้าราชการรวม ๓ หลัง โดยไม่มีการซ่อมแซมจริง นายพิบูลย์ นายเดชา และนายสัมฤทธิ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ทั้งนี้ ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายจารุพิษณ์ เรืองสุวรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอศรีบุญเรือง และรักษาการในตำแหน่งหัวหน้าศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอโนนสัง เบียดบังเงินบำรุงการศึกษาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายสำรอง หรือพีรวัส โหม่งพุฒ นายกเทศมนตรีตำบลจอมทอง อ.ศรีบุญเรือง ขุดดินและลูกรังในบริเวณที่ทิ้งขยะของเทศบาลฯ ไปใช้ในโครงการต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุมัติจากสภาเทศบาล และก่อสร้างถนนลูกรังถนนสายหนองลุมพุก-บ้านศรีบุญเรือง และร่องระบายน้ำถนนศรีอัมพร บ้านศรีวิชัย และถนนศรีวิลาศ บ้านลาดกรุงศรี ไม่ถูกต้องตามแบบรูปรายการ มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ฯ แต่นายสำรอง หรือพีรวัส พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้วจึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ถอดถอนอีก แต่ให้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ นอกจากนี้ นายสำรอง หรือพีรวัส มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายประสพ เรียมทอง นายก อบต.โคกตาล นายเทียนชัย ศรีสิงห์ รองนายก อบต.โคกตาล นายประเดิมชัย เทาศิริ รองนายก อบต.โคกตาล นายไชยสิทธิ์ เตารัตน์ ปลัด อบต.โคกตาล นางสาวจุฬารัตน์ พิมพ์นนท์ เจ้าหน้าที่พัสดุ อบต.โคกตาล นายณรงค์ชาญ สุวรรณโชติ หัวหน้าส่วนโยธา อบต.โคกตาล นายโอกาส หรือ วงเดือน ลาลุน อ.ภูสิงห์ ซื้อรถยนต์เก่าที่ผ่านการใช้งานแล้วโดยไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณ แล้วจัดทำหลักฐานเท็จว่าเป็นการซ่อมแซมรถยนต์เก่าที่ได้รับบริจาค เพื่อปกปิดความผิด
นายประสพ นายเทียนชัย และนายประเดิมชัย มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ฯ แต่ทั้งสามรายพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ถอดถอนอีก แต่ให้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ นอกจากนี้ทั้งสามราย มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา โดยนายประสพกระทำผิดตามมาตรา 151, 157, 162 (4) นายเทียนชัย และนายประเดิมชัยกระทำผิดตามมาตรา 157, 162 (4) นายไชยสิทธิ์ และ น.ส.จุฬารัตน์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 162 (4) นายณรงค์ชาญมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 นายโอกาส หรือวงเดือน มีมูลความผิดทางอาญาฐานผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด ทั้งนี้ ในส่วนของความผิดทางวินัย ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย สำหรับความผิดทางอาญา ได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายสกลไกร ขาวบริสุทธิ์ เลขานุการนายก อบต.บ้านคลัง อ.บางบาล นายศิรวิชญ์ ภู่วงศ์ นายก อบต.วังยาว อ.ด่านช้าง นายอิทธิพงษ์ วันทะนะ รองนายก อบต.เมืองเก่า อ.พนมสารคาม นายสมคิด แสงติ๊บ รองนายก อบต.บ้านแอ่น อ.ดอยเต่า นายพัฒนา คำปวน รองนายก อบต.บ้านหลวง อ.แม่อาย นายสุนทร พิมพาพร รองนายก อบต.ระบำ อ.ลานสัก นายธนากร หรือพราม ประคำสี รองนายก อบต.ระบำ อ.ลานสัก นายบุญเตือน ราคาแพง รองนายก อบต.นางแดด อ.หนองบัวแดง นางสมถวิล จงสูงเนิน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองชัยภูมิ นายทองจันทร์ ด้วงคำจันทร์ เลขานุการนายก อบต.หนองตอกแป้น อ.ยางตลาด นายสมชัย ทิพย์อุทัย นายก อบต.นาบอน อ.คำม่วง นางกัลยา เมืองโคตรหรือสุพร นายก อบต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ นายสุไลหมาน อาดำ รองนายก อบต.เกตรี อ.เมืองสตูล จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นตำแหน่ง และกรณีพ้นตำแหน่งแล้วหนึ่งปีเสนอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยห้ามมิให้นายสกลไกรดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง และขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
กรณีกล่าวหาข้าราชการตำรวจ เช่น กล่าวหา พ.ต.ท.กษิดิศ อินทร์เนียม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสารวัตรธุรการ สถานีตำรวจนครบาลบางยี่เรือ เบียดบังเงินประกันตัวผู้ต้องหา, อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 และเครื่องวิทยุติดตามตัวไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหา น.ส.สาริศา พิชัยฤกษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกจัดหา/พัสดุ นายสุเมธ รุจนเสรี นายศุภกฤต ศักดิ์สัจจาภิรมย์ และนางวัชรี ธิติมุทา คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษองค์การตลาดจัดจ้างปรับปรุงอาคารทรงไทย สำนักงานตลาดสาขาบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ในราคาสูงกว่าความเป็นจริง และมีการสมยอมในการเสนอราคา ทั้งหมดมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยแล้ว
กรณีกล่าวหานางจีรพร เชยประทุม หรือนางนิชาภา หอมชื่น เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี เทศบาลเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เบียดบังเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์การเรียนการสอน ไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่น มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ทั้งนี้ ในส่วนของความผิดทางวินัย ต้นสังกัดได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการแล้วจึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษซ้ำอีก แต่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบสำหรับความผิดทางอาญา ได้ส่งสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหา นพ.จรูญ จิตติวุฒิการ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ นางสิวลี จารุวรรณ์ พยาบาลวิชาชีพ 7 วช น.ส.อารีรัตน์ ชาติวุฒานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ 7 วช ศูนย์บำบัด รักษายาเสพติดเชียงใหม่ กระทรวงสาธารณสุข จัดทำใบเสร็จรับเงินค่าเช่าที่พักของผู้เข้ารับการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่องสมุนไพรเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแบบครบวงจร อันเป็นเท็จมาเบิกจ่ายเงินโดยทุจริต นพ.จรูญ และนางสิวลี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง แต่บุคคลทั้งสองได้เกษียณอายุราชการและลาออกจากราชการตามลำดับแล้ว ซึ่งตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 100 วรรคสอง ระบุว่า กรณีที่ผู้นั้นออกจากราชการไปแล้วและผลการสอบสวนปรากฎว่าผู้นั้นกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง ให้งดโทษ จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อลงโทษทางวินัยอีก กรณี น.ส.อารีรัตน์มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหา นางลักษณา หรืออังคณา รังแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 4 เทศบาลตำบลวิเชียรบุรี เบิกจ่ายเงินเป็นค่าส่งใช้หนี้เงินกองทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ต้นสังกัดได้ลงโทษไล่ออกนางลักษณา หรืออังคณา ซึ่งเหมาะสมแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ลงโทษซ้ำอีก แต่ให้แจ้งผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นอกจากนี้ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และมาตรา 157 และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหา น.ส.ปุณย์จิรภา (ปิยฉัตร) ชมชื่น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานธุรการชำนาญงาน สำนักงานอัยการจังหวัดพล ปลอมเอกสารการเบิกเงินและแก้ไขจำนวนเงินในสมุดคุมเช็คและต้นขั้วเช็ค โดยไม่มีอำนาจและชำระค่าวัสดุให้กับผู้ขายไม่ตรงเวลาโดยนำเงินไปช่วยเหลือผู้อื่น มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ต้นสังกัดได้ลงโทษไล่ออก น.ส.ปุณย์จิรภา ซึ่งเหมาะสมแก่กรณีแล้วจึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ลงโทษซ้ำอีก แต่ให้แจ้งผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ นอกจากนี้มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 147 มาตรา 157 มาตรา 161 มาตรา 264 มาตรา 265 และมาตรา 268 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานายไพศาล จิตตะมัย นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น อนุญาตให้ผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำและขยายผิวจราจร ปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนรอบบึงหนองโคตรใช้พื้นที่สาธารณะก่อสร้างที่พักคนงานและขุดดินในพื้นที่สาธารณะไปใช้ในการก่อสร้าง มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ฯ แต่นายไพศาลพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแล้ว จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้ถอดถอนอีก แต่ให้ส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ นอกจากนี้ นายไพศาลมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และได้ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
กรณีกล่าวหานางนิภา ขอบขำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง เบียดบังเงินที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดคีรีวรรณา ชำระคืนให้แก่ อบต.ช้างกลาง ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ทั้งนี้ได้ส่งสำนวนไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว