ตกเป็นเรื่องเป็นราวเอิกเกริกสะเทือนโลกออนไลน์ เมื่อเธอถูกนักสืบเว็บไซต์ชื่อดัง กล่าวหาว่าไปขโมยรูปท่องเที่ยวมาจากบล็อกเกอร์ฝรั่ง แต่เรื่องดังกล่าวก็กลับตาลปัตร พลิกข้างสลับขั้ว เมื่อความจริงเปิดเผยว่าตัวเธอและบล็อกเกอร์ฝรั่งคนนั้น เป็นคู่รักกัน
ไม่ว่าจะอย่างไร กรณีดังกล่าวก็ทำให้ชื่อของ “หญิง-จารุวรรณ ภูมิชาติ” ได้รับการเอ่ยถึง ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นชื่นชม...จากหญิงสาวที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วออกเดินทางร่วมทริปกับคนรัก ก่อนกลับมาเขียนรีวิวลงบล็อกและยูทูป ระยะเวลากว่าครึ่งทศวรรษ ผ่านความยากลำบากที่ไม่สวยงามเหมือนในภาพความฝันของใครต่อใคร ทุกวันนี้ หญิง-จารุวรรณ กลายเป็นบล็อกเกอร์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่ง คู่เคียงกับ “มาร์ค” บล็อกเกอร์คนรักของเธอ
แพ็กกระเป๋าให้พร้อม เตรียมใจให้เต็มที่ แล้วเดินทางไปกับเธอ...
• ก่อนอื่นขอเท้าความถามถึงเรื่องที่เป็นประเด็นในเว็บไซต์ชื่อดังเว็บไซต์หนึ่งหน่อยค่ะ ที่มีคนกล่าวหาว่าคุณไปขโมยภาพมาจากฝรั่งคนหนึ่ง แต่ผลปรากฏว่าฝรั่งคนนั้นเป็นสามีของคุณ ตรงนี้ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรคะ และเรื่องราวจากนั้นเป็นอย่างไรต่อ
สำหรับหญิง ตอนนี้จบแล้วล่ะค่ะ อย่างล่าสุด เขาก็มาขอโทษเป็นเรื่องเป็นราว หญิงมองว่า ด้วยความที่เขาเป็นเด็กแล้วทำอะไรไปแบบผลีผลาม แต่หญิงก็มองว่าเขาทำเพราะความหวังดีนะ เพราะเขาคือแฟนคลับของมาร์ค (สามี) ด้วย และอีกอย่าง หญิงก็ไม่อยากให้ดำเนินคดี เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น เพราะแค่กระแสสังคมที่เขาโดนไปก็น่าจะเป็นบทเรียนให้กับเขาค่อนข้างเยอะแล้ว กระแสสังคมแรงมากจริงๆ ค่ะ หญิงก็ได้แต่เตือนว่าอย่าไปทำอีก (ยิ้ม)
• โดนมากับตัวขนาดนี้ อยากให้ช่วยเตือนสติการใช้สื่อของคนในสังคมทุกวันนี้หน่อยค่ะ
หญิงมองว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันแชร์กันเร็วมาก ข้อมูลหากันง่ายมาก แต่อยู่ที่คุณจะหาข้อมูลเยอะแค่ไหน ถ้าข้อมูลชัวร์ คุณมั่นใจได้ แต่ถึงอย่างนั้น หญิงคิดว่าคุณก็ไม่ควรประจานใครขนาดนั้น อย่างน้อยควรสอบถามก่อนไหม หรือแจ้งเจ้าของรูปก่อนไหม อย่างกรณีของหญิง หญิงเห็นที่เขาโพสต์ เร็วมาก เขาโพสต์หกโมงเช้า เป็นช่วงที่คนไปทำงานพอดี แต่ถ้าเขาโพสต์สักเก้าโมง รับรองว่าหญิงจะโดนสังคมแรงมาก แต่ก็ยังมีหลายสิบคอมเมนต์เข้าไปแล้ว แล้วก็จะมีบางคนตัดสินไปแล้วว่าเราผิด อีกอย่าง หญิงอยากให้คนที่เสพข่าว ควรใจเย็นมากๆ อย่าอ่านแล้วตัดสินแบบรวดเร็ว
สำหรับหญิง หญิงจะอ่านข้อมูลเยอะขึ้น แล้วก็จะมองในความรู้สึก ใจเขาใจเราว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น จะทำอย่างไร คือคิดก่อนทำค่ะ บางทีเราอาจลืมมองไปว่า ถ้าเราเป็นฝ่ายที่โดนกระทำ เราจะทำอย่างไร หญิงคิดว่าการมองสองมุมน่าจะทำให้สังคมเราดีขึ้น อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราใช้สื่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น
ตรงนี้หญิงอยากบอกว่าเวลาเราอยากจะโพสต์อะไร เราควรคิดให้รอบคอบก่อน เพราะเราไม่สามารถเอากลับมาได้แล้ว ถึงแม้เราจะลบมันออก ก็อาจจะมีคนที่แคปชันเอาไว้ ตรงนี้มันเร็วมากนะ ถึงคุณลบไปแล้ว มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว
• จะว่าไปแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงมากเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ (ตอบเร็ว) ส่งผลต่อสภาพจิตใจเราแรงมาก วันนั้นร้องไห้หนักมาก พอเห็นข้อความปุ๊บ สิ่งแรกคือโมโห พอหลังจากความโมโหหายไป ความเสียใจกลับเข้ามาแทน ซึ่งความเสียใจอยู่กับเรานานมากนะคะ เราเข้าใจว่าทุกคนมีความคิดของตัวเอง แต่เขาคือใครทำไมต้องมาด่าเราแรงขนาดนั้น แล้วรูปอะไรต่างๆ เร็วมาก
หญิงรู้ว่าคนเรานั้นมีภูมิต้านทานที่ไม่เท่ากัน หญิงไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่รุนแรงอะไรขนาดนั้น ยังดีที่สามีหญิงบอกเราว่าให้ใจเย็นๆ (ยิ้ม)
• คุณหญิงคบกับแฟนมานานแค่ไหนแล้วคะ
6-7 ปีค่ะ และเราก็แต่งงานมา 2 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม)
แต่จะบอกว่า แรกๆ ที่บ้านก็แอนตี้เหมือนกันนะ รับไม่ได้เลย แล้วสายตาสังคมก็โดนแน่นอน เพราะหนึ่ง เขาจะตัดสินเราว่ามีแฟนฝรั่งเพราะฝรั่งมีเงิน สองมองว่าเราเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ยิ่งถ้าไปที่เป็นแหล่งอโคจรด้วยนะ สายตาคนจะมองว่าเราเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือเปล่า แต่หญิงมองว่าการแต่งตัวของเราบอกอะไรสังคมได้พอสมควรนะคะ สมมติเราแต่งตัวขาสั้นสายเดี่ยว ไม่แปลกใจที่ใครจะคิดว่าเราเป็นแบบนั้น เราต้องเคารพสังคมด้วย ว่าการแต่งกายของคุณมันบอกอะไรได้เยอะ มันก็เลยทำให้มองว่าการแต่งตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหลายคนที่ตัดสินคนจากภายนอก
อีกอย่าง หญิงว่าคนมองแบบนี้มานานแล้วนะคะ ด้วยความที่มีคนที่อยากแต่งงานกับชาวต่างชาติเพราะคิดว่าเขามีเงินแล้วจะได้สบาย ยอมรับว่าสังคมไทยมีจริงๆ ตรงนี้ก็เลยห้ามความคิดคนไม่ได้ เพราะมันมีแบบนั้นจริงๆ ค่ะ
• ทุกวันนี้ทางครอบครัวเราโอเคแล้วหรือยัง ยอมรับที่มีแฟนต่างชาติได้หรือยังคะ
เขาก็โอเคแล้วนะคะ เพราะเราคบกันมาหลายปีแล้วด้วย (ยิ้ม)
• ในฐานะที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ตรงนี้อยากฝากอะไรถึงคนที่มองในแง่ลบบ้างคะ
จริงๆ หญิงอยากบอกว่าต่างชาติมีทั้งดีและไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าต่างชาติดีเสมอไป จะมีต่างชาติที่มองผู้หญิงไทยในแบบไม่ดีนั้นก็มี เราต้องยอมรับว่ามีจริงๆ แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนทัศนคติคนที่มองในเชิงลบแบบนั้น หญิงมองว่าถ้าจะเปลี่ยนได้ คือการวางตัวของคุณเอง คือสิ่งสำคัญมาก
• คุณหญิงกับแฟนมาเจอกันได้อย่างไร เนื่องมาจากทั้งคู่ชอบเที่ยวหรือเปล่าคะ
มาจากแฟนหญิงเขาชอบท่องเที่ยวค่ะ ส่วนหญิงเป็นพนักงานออฟฟิศแล้วลาออกเพราะมีช่วงที่ร่างกายไม่ไหว ประจวบกับที่บ้านอยากให้เรียนต่อ ซึ่งพอหญิงมาเจอกับแฟน ก็เลยเบรกเรื่องเรียนไปก่อน หลังจากลาออก หญิงถามเขาว่าเราจะทำงานอะไรดี เขาเลยบอกว่าเดินทางไหม
ตอนนั้นที่หญิงเริ่มเดินทางปุ๊บ กระแสสังคมรอบบ้านมาทันที เดินทางกับฝรั่งต้องเคารพหน้าตาพ่อแม่เรานิดหนึ่ง ซึ่งบางทีเขาอาจจะไม่พูด แต่เรารู้ว่าเขารู้สึก เราก็เลยต้องคุยกันกับแฟนว่าเราเป็นผู้หญิงไทย เราไม่สามารถเดินทางกับคุณได้ขนาดนั้น เลยมานั่งคุยกันว่าแต่งงานกันไหม เพื่อจะได้ลบคำครหาของคน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเราต้องแคร์กระแสสังคมด้วย
• แสดงว่าการเดินทางท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่แต่งงานกัน แล้วเป็นจุดเริ่มต้นของการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวด้วยหรือเปล่าคะ
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) แต่ตอนนั้นที่เดินทางครั้งแรก เราหมั้นกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันนะคะ มันเป็นจุดเริ่มต้นแรกเลยที่เราสามารถแพ็กกระเป๋าเดินทางได้เลย ซึ่งทริปแรกที่ไปคือประเทศเกาหลีค่ะ เกาหลีคือจุดแรก ส่วนการรีวิวใน Youtube เราเริ่มทำหลังจากแต่งงานแล้วค่ะ หลังจากนั้น ก็ตามมาอีกเยอะมาก (ยิ้ม)
• คุณหญิงลาออกจากงาน แล้วตอนนั้นแฟนทำอะไรอยู่คะ ทำไมเขาถึงชวนเราเดินทาง
เขาเป็นบล็อกเกอร์ค่ะ ซึ่งแฟนของหญิงจะมีรีวิวการท่องเที่ยวและอาหารไทย แล้วจะมี Youtube ด้วย จริงๆ ต้องบอกว่าเราเริ่มมาจากแฟนของหญิงแหละค่ะ เพราะประมาณปีที่แล้ว เราเห็นว่ามีคนไทยเที่ยวเยอะขึ้นด้วย เลยคิดว่าเราน่าจะเขียนรีวิวเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยบ้าง
• แสดงว่าตอนนี้หญิงถือได้ว่าเป็นบล็อกเกอร์เรื่องการท่องเที่ยวคนหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ เห็นว่าการเดินทางของหญิงคืออาชีพเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ เรียกว่าอาชีพได้เลย ตอนนี้เราทำเต็มตัวแล้วทั้งคู่ เราไม่ได้มีงานประจำ เราคือนักเดินทางเลย หญิงจะบอกว่าถ้าใครอยากเป็นบล็อกเกอร์ ความอดทนคือสิ่งสำคัญนะคะ สองปีแรก เราหาได้เดือนละสองพัน ใช้สองคน ไม่ง่ายเลยค่ะ คุยกันว่าเราจะกลับไปทำงานไหม เพราะอุดมการณ์และการใช้ชีวิตมันไปด้วยกันไม่ได้ไหม เขาก็บอกว่าขอเวลาครึ่งปี ถ้าไม่ไหว จะกลับไปทำงาน สรุปคือเราใช้เวลาเกือบสองปี กว่าจะยืนได้ถึงทุกวันนี้ กว่าที่คนจะรู้จัก กว่าจะทำให้ใครเชื่อถือได้มันต้องใช้เวลาและความอดทนมากๆ
• แล้วส่วนใหญ่ชอบเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแบบไหนคะ
ส่วนใหญ่จะชอบไปที่ที่ยังไม่เจริญค่ะ เพราะหนึ่งคือนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ ยังเป็นพื้นบ้าน คนยังน่ารักกับนักท่องเที่ยว อาหารก็ยังเป็นอาหารพื้นเมือง ยังไม่ปรับมาเป็นอาหารนักท่องเที่ยว ซึ่งอันไหนที่มีนักท่องเที่ยวไปเยอะ เราก็จะไปเพื่อให้รู้แต่ไม่ได้อินหรือชอบอะไรขนาดนั้น
• การที่เราไปท่องเที่ยวต่างจากคนอื่นอย่างไรคะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า เราไปทำอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าแต่ละทริปที่ไป ต้องเที่ยวให้คุ้ม ให้นานที่สุด อย่างน้อยเดือนหนึ่ง เราไม่อยากไปลัลลา ธรรมดาทั่วไป แต่เราไปเพราะอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ อย่างหญิงคือถ้าได้วีซ่าเต็มเดือน เราก็จะอยู่เต็มเดือน ได้สามเดือน เราก็อยู่เต็มสามเดือน ซึ่งไปแต่ละที่ เราจะเดินเยอะมากเลยนะคะเพราะเราต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายคือเรื่องสำคัญมาก เพราะเราอยู่นาน ค่าใช้จ่ายมันเยอะ อันไหนที่ประหยัดได้ เราก็จะประหยัด ซึ่งเวลาเราไป ทุกครั้ง เราจะไปเพื่อซึมซับบรรยากาศเพราะถ้าใครมาถามว่าแต่ละที่มันดีอย่างไร เราก็จะสามารถตอบเขาได้ค่ะ (ยิ้ม)
• ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของเขา??
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) แหล่งท่องเที่ยวไหนที่คนไปกัน เราก็จะไป เพื่อให้รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้นะ แต่เราจะพยายามถามคนในพื้นที่ หรือเราจะโพสต์บอกว่าเราจะไปญี่ปุ่น ด้วยความที่มีฐานแฟนคลับของแฟนหญิงอยู่ เขาก็จะช่วยแนะนำว่ามีที่ไหนบ้าง เราจะไปที่ที่ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจ๋าจนเกินไป อันนี้คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ หรือได้ไปเห็นอะไรมากกว่าตรงนั้น อย่างร้านอาหารร้านไหนดัง อร่อย ราคาถูก คนก็จะมาบอก มาแนะนำค่ะ
• แล้วแบบนี้เงินสนับสนุนตอนนี้ เราได้มาจากไหนบ้าง
ปีแรกเราเดินทางด้วยเงินที่เรามีเลยค่ะ เราเลยอาจเดินทางบ่อยมากไม่ได้ อย่างไปเกาหลี เรากลับมาก็รีบมาเขียนบล็อก ทำ Youtube เพื่อให้มีเงินไปทริปต่อไป ส่วนจุดแข็งคือเรามีฐานแฟนคลับของแฟนหญิงที่ค่อนข้างเยอะค่ะ
แต่จะบอกว่าเราไม่รับจ้างรีวิวนะคะ เพราะถ้าเรารับจ้าง แม้อาหารไม่อร่อย เราก็ต้องบอกว่าอร่อย เราไม่อยากให้คนที่ตามไปกินแล้วรู้สึกผิดหวัง หญิงจะบอกเล่าตามความรู้สึกเลยค่ะ เพราะคนที่ตามไปทาน ตามไปเที่ยว เขาจะได้ไม่ผิดหวัง เขาจ่ายเงิน ตั้งใจไป ก็ไม่อยากให้โดนหลอกค่ะ อีกอย่าง เราจะไม่รับโฆษณาด้วย อย่างกรณี ถ้ารับโฆษณามาแล้วซึ่งมันก็ยังไม่ใช่แบรนด์เราอยู่ดี เราจะพยายามสร้างแบรนด์ของเราค่ะ ซึ่งรายได้ที่ได้มาตอนนี้ จะมีอีบุ๊กสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป เสื้อ ส่วนรายได้หลักเราจะมาจาก Youtube ค่ะ (ยิ้ม)
เราจะเคารพแฟนคลับของเรา เราเคารพเขามากกว่าตัวเงิน ถามว่าถ้าไปรีวิวว่าดี แต่ในความเป็นจริงมันไม่ดี แล้วเราจะนอนหลับสบายไหม หญิงมองในระยะยาวมากกว่า ทุกร้านที่ไปจ่ายเงินเอง บางร้านถือกล้องไป ไม่ให้ถ่ายก็มี
• อย่างในประเทศไทยมีหน่วยงานไหนติดต่อเรามาบ้างไหมคะ
มีค่ะ (ยิ้ม) มีการท่องเที่ยวติดต่อเรามาเหมือนกัน มีเชิญไป บางทีเราไม่ว่าง ไม่สะดวก เราก็เลยได้ไปแค่ทริปเดียวที่กาญจนบุรีค่ะ (ยิ้ม)
• นอกจากการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้แล้ว นอกจากนี้เรายังได้อะไรจากตรงนี้อีกบ้างคะ
จริงๆ การท่องเที่ยวให้อะไรเยอะมากเลยนะคะ มันทำให้เรามองโลกสองด้าน เห็นโลกกว้างขึ้น เมื่อก่อนเราจะตั้งคำถามว่า ทำไมๆ อย่างเดียว แต่พอเราเดินทาง เราได้เห็นคนจากโลกอีกมุมหนึ่ง เราเห็นคนที่เขามีน้ำใจ คนที่เขาไม่ได้หวังอะไรเลย เพราะปกติ เราจะมองมุมของเราอยู่แล้วเมื่อเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะมองอีกมุมหนึ่งว่าพื้นฐานแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่างไปแต่ละที่ที่มันไม่เจริญมาก เราจะรู้เลยว่าพื้นฐานเรามาไม่เหมือนกัน เราจะไปตัดสินใจใครไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์ ถึงบางสิ่งที่เขาทำมันอาจจะไม่ดีนัก แต่มันดีที่สุดที่เขามีแล้วตอนนั้น เราใจเย็นขึ้น ทำอะไรช้าลง ตัดสินอะไรช้าลง นั่นคือสิ่งที่เราได้กลับมาค่ะ (ยิ้ม)
• เราเดินทางมากี่ประเทศแล้วคะ แล้วความรู้สึกของเราที่ได้แตกต่างกันทุกประเทศไหม
ในช่วง 2 ปีกว่าๆ ก็น่าจะประมาณ 20 ประเทศได้แล้วค่ะ หญิงว่าทุกประเทศทุกที่ มีความแตกต่างกันนะคะ แต่จริงๆ เมื่อก่อนอยากไปประเทศที่มีอากาศหนาว แต่พอไปจริงๆ เราไม่เหมาะกับประเทศที่มีอากาศหนาว เราทนหนาวขนาดนั้นไม่ได้ บางที่ เหมือนไปให้เรียนรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้นะ อะไรทำนองนี้ค่ะ
• ที่ผ่านมาเรามีอะไรประทับใจบ้างคะ ช่วยยกตัวอย่างเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ
มีตอนที่ประเทศเอธิโอเปีย เป็นประเทศที่ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะไป ไม่มีอยู่ในรอยหยักสมองเลย แต่พอเราไปแล้ว เรารู้สึกว่าด้วยความที่ภาพที่เราเคยเห็น ว่าไปแล้วเราจะกินอะไรดี ตอนนั้นเราเลยเอามาม่าไปเยอะมาก ไปด้วยความที่เราทำใจไปก่อน ถามว่ามันเจริญไหมมันก็ไม่ได้เจริญมาก แต่ความน่ารักของคน เราไม่คิดว่าเราจะเจอ มีวันหนึ่งฝนตกหนักมาก เราสองคนไปยืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีหมวกใบหนึ่ง จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมา ถือกระเบื้องแผ่นหนึ่งเพื่อมากางเป็นร่มให้ เรารู้สึกประทับใจมาก แล้วพอฝนหยุดปุ๊บ เขาเดินออกไปโดยไม่อยากได้อะไรตอบแทนเลย เรารู้สึกประทับใจมากๆ คนที่นั่นก็น่ารักมาก
• เวลาเราเดินทางแล้วเราเจอที่ที่สวยงามหรือเจอที่ที่แย่ๆ มันทำให้รู้สึกอย่างไรบ้างคะ เกิดการเปรียบเทียบไหมประมาณว่าไม่เห็นเหมือนบ้านเราเลยหรือว่าดีกว่าบ้านเราอีกอะไรทำนองนี้
มีค่ะ (ตอบเร็ว) อย่างเมืองที่เราไปก็มีทั้งเหมือนบ้านเราและมีที่ไม่เหมือน แต่เหมือนในที่นี้ก็ไม่ได้เหมือนไปซะทีเดียว รูปร่างภายนอกอาจจะเหมือน บรรยากาศอาจจะเหมือน แต่มองดีๆ เอกลักษณ์แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน ขนาดบ้านเรา คนแต่ละภาคยังไม่เหมือนกันเลยจริงไหมคะ (ยิ้ม)
• ในฐานะที่ท่องเที่ยวมาเยอะแยะมากมายทั้งประเทศที่เจริญแล้วและประเทศที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง เราคิดเห็นอย่างไรกับสภาพความเป็นอยู่ของสังคมนั้นๆ บ้างคะ
อย่างไปที่ที่เจริญก็จะเห็นอีกมุมหนึ่ง แต่เวลาไปประเทศที่ไม่เจริญ หญิงคิดว่ามันให้อะไรเราเยอะมากเลยนะคะ มันอาจจะไม่สบาย ไม่สะอาด แต่ให้ประสบการณ์อะไรเราเยอะมาก
โดยพื้นฐาน เราเป็นคนระดับกลางค่อนข้างติดดินเลย เห็นสังคมอีกสังคมที่เจริญ กินข้าววันหนึ่งเป็นพัน แล้วพอเราไปเห็นเอธิโอเปีย มันเป็นความแตกต่างที่น่าเจ็บปวด เพราะเด็กที่นี่ต้องเก็บพืชกิน เรารู้สึกแบบเจ็บปวดมาก แต่ความน่ารักของคนไม่ต่างกันเท่าไหร่ มันอยู่ที่การใช้ชีวิตมากกว่าที่ต่างกัน ส่วนตัวหญิงจะอินกับระดับกลางและระดับล่างมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)
• เป็นคนติดดิน?? แล้วส่วนตัวหญิงใช้ชีวิตอย่างไรบ้างคะ
โคตรประหยัดเลยค่ะ (หัวเราะ) เดินอย่างเดียว เดินแบบวันหนึ่ง 20 กว่ากิโลก็เคย แต่ระหว่างการเดิน เราสามารถได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างนะ ระหว่างเดิน เราได้เจอสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ถ้าเรานั่งรถเราจะผ่านจุดนี้ไป เราได้ไปเจอร้านแปลกๆ ได้เจอคน ได้เจอของถูกๆ
ส่วนตัวหญิงเป็นคนที่ประหยัดมากจริงๆ ถ้าเกิดเป็นประเทศที่มันไม่น่ากลัวมาก เป็นห้องน้ำรวม เราก็เลือกห้องน้ำรวมนะ อันไหนประหยัดได้ จะประหยัดเลย แต่ต้องดูด้วยว่าประเทศนั้นปลอดภัยแค่ไหน
อีกอย่าง ด้วยความโชคดีที่หญิงกับแฟนเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายกันตรงที่เราไม่ใช่คนเรื่องมาก กินอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ก็เลยง่ายสำหรับเรา
• ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง เรามีการวางแผนไว้อย่างไรบ้าง หรือเราไปลุยพร้อมเผชิญความท้าทายเอาดาบหน้าเลยคะ
หญิงเตรียมตัวน้อยมาก อย่างไปญี่ปุ่น เตรียมตัวล่วงหน้า 2 วัน การเดินทางไม่ได้เตรียมอะไรมาก หญิงจะแพ็กกระเป๋า 2 วันกับ 2 เดือนเท่ากัน เพราะว่าเอาของที่จำเป็นเท่านั้น อย่างผงซักฟอก ยา อะไรทำนองนี้ค่ะ (ยิ้ม)
• ถือว่าเราเสพติดการท่องเที่ยวหรือเปล่าคะ เรารักการเดินทางไปแล้วหรือยัง
เสพติดค่ะ จะอยู่บ้านไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) จะว่าไป เรารักการเดินทางนะคะ มันเป็นความสุข ถึงแม้ไปแล้ว เราอาจจะเจออะไรที่มันไม่ดี แต่อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง พยายามมองโลกสองด้านเข้าไว้ แล้วคุณจะมีความสุข อย่าไปยึดติดกับตัวเองมาก ให้มองว่าทุกคนมาจากฐานครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน หญิงมองว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการท่องเที่ยวนะ
• ถ้าวันหนึ่งวันใดที่เราไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ วันนั้นคิดว่าเราจะทำอย่างไร
หญิงคิดว่าหญิงคุ้มแล้วนะ หญิงจะพยายามทำทุกวัน เพราะถ้าพรุ่งนี้เป็นอะไรไป เราจะไม่เสียดายว่าทำไมเราไม่ทำ คิดเสมอและคิดทุกเรื่อง ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ต้องถามตัวเองว่าเราทำสุดแล้วจริงไหม
• อยากจะให้พูดถึงการท่องเที่ยวในแบบชีวิตหญิงหน่อยค่ะ ว่าเที่ยวอย่างไรให้ได้ความสุขกลับมา เพราะบางคนอาจไปเจอกับสิ่งที่ไม่น่าประทับใจเลย
อยากให้ทำใจไปก่อนค่ะว่ามันอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ ถามตัวเองว่ารับได้ไหม ถ้าตัวเองยังยึดติดกับอะไรอยู่อย่าไป เพราะถ้าไปแล้วไม่สนุก มันจะเสียดายเงิน อย่าคาดหวังว่ามันจะสวยหรูทุกอย่าง หญิงมองว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นมันมีเหตุมีผล พยายามมองในสิ่งที่มันเป็นวันนี้ให้มากที่สุด ถ้ามันดีถือว่ามันเป็นกำไรชีวิต ถ้าไม่ดีถือว่าเสมอตัว
• แล้วถ้าอยากไปเที่ยวให้ได้แบบหญิงต้องเริ่มต้นอย่างไร สิ่งที่ต้องมีคืออะไรบ้าง ปัจจัยหลักที่ต้องมี ใช่เวลากับเงินหรือเปล่าคะ
เริ่มต้นอย่างไรเหรอคะ หญิงว่าเราต้องรู้ก่อนว่าประเทศเขานับถือศาสนาอะไร เพราะการแต่งตัวสำคัญ ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน เขามีวัฒนธรรมแบบนั้น เราก็ควรแต่งตัวมิดชิด เราควรจะเคารพ ไม่ใช่แต่งสบายๆ
ส่วนเรื่องของปัจจัย หญิงมองว่าเวลาคือปัจจัยหลักนะคะ เพราะคนที่เขาจะไปเที่ยวหญิงเชื่อว่าเขาต้องมีเงินเก็บอยู่แล้ว ตรงนี้หญิงเลยมองว่าเงินไม่ได้เป็นปัจจัยหลักเท่าไหร่
• นอกจากการท่องเที่ยวและเดินทางแล้วยังมีอะไรที่ทำให้หญิงมีความสุขอีกไหมคะ
การกินค่ะ (หัวเราะ) หญิงจะมีความสุขมาก ยิ่งได้กินอะไรแปลกๆ อร่อยๆ หรือถึงไม่อร่อยแต่แปลก เราก็มีความสุขแล้วค่ะ (ยิ้ม)
• ในความเป็นบล็อกเกอร์เรื่องท่องเที่ยว เราได้มีการสนับสนุนให้คนไปท่องเที่ยวในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน อย่างไรคะ
ส่วนตัวหญิงชอบอยู่ไทยนะ หญิงชอบประเทศไทยเพราะสามารถคุยกับใครก็ได้ ปลอดภัย แต่พอต่างประเทศ เราไม่รู้ว่ามันยังไงแค่ไหน เมืองไทยของถูก อาหารก็กินอิ่ม แต่ด้วยความที่พอกลับมา มีเวลาไม่เยอะมาก เราพยายามเขียนบทความให้เสร็จก่อนที่จะไปอีกทริปหนึ่ง ที่ทำอยู่คือจะมีในไทย 40% ต่างประเทศ 60% อย่างบ้านเรา เราจะมองว่าเดี๋ยวไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ไปซะที (หัวเราะ)
• หลายคนอาจมองว่าการเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวเราดูสนุก สบายเพราะแค่กิน แค่เที่ยวไปวันๆ
ตรงนี้จะมีคนมาคอมเมนต์เยอะมากนะคะว่าเราใช้ชีวิตแบบในฝันเขาเลย แต่ว่ากว่าเราจะมาถึงตรงนี้ได้ 4-5 ปีที่ผ่านมา มันรากเลือดมากเลยนะ สองปีแรก ไม่มีใครเห็นว่าเราลำบากแค่ไหน ลำบากถึงขนาดต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร เงินในบัญชีเริ่มหมด กว่าจะถึงวันนี้ เราไม่ได้มีครอบครัวที่สนับสนุนขนาดนั้น ไม่ได้มีเงินทุนขนาดนั้น เรามาจากศูนย์ คนถามว่าเราใช้ชีวิต Slow life บอกเลยว่า ไม่ใช่เลยค่ะ
ทุกวันนี้ เราต้องนอนเที่ยงคืน ตื่นตีห้า เราไม่มีวันหยุด ทำงานเจ็ดวัน ทุกวันคือการทำงาน ทุกวินาทีคืองาน คือเช้ามา เราต้องมานั่งดูรูป เลือกรูป แฟนหญิงจะทำในส่วนของเขา หญิงก็จะทำในส่วนของหญิง มันต้องหาข้อมูลเยอะมาก พยายามทำให้คนเขียนอีเมลมาด่าให้น้อยที่สุด (หัวเราะ)
การเขียนรีวิวมันใช้เวลานานมาก แล้วอย่างคอมเมนต์ วันหนึ่งที่แฟนหญิงต้องตอบใช้เวลานานมาก มากกว่าสามชั่วโมงได้เลยค่ะ แล้วเป็นพันๆ คอมเมนต์ ไหนจะมาตัดต่ออีก ทำกันสองคน เราไม่มีทีม ทุกวันนี้ถามว่ามีเวลาไปเดตไหม ไม่มีนะคะ (หัวเราะ) ขนาดไปกินข้าว ยังต้องเอากล้องไปเพื่อถ่ายรูป จนมีช่วงหนึ่งต้องคุยกันเลยค่ะว่าชีวิตแต่งงาน ชีวิตส่วนตัวเราหายไป มันกลายเป็นชีวิตการทำงานไปแล้ว ไม่ง่ายจริงๆ เราทำงาน 24 ชม. เลย
• ยืนยันว่าการเป็นบล็อกเกอร์มันไม่ง่ายเลย
จริงๆ หญิงคิดว่าใครๆ ก็ทำได้ รักอะไรสักอย่างหนึ่ง คุณก็สามารถทำได้แล้ว เราต้องทำด้วยความรักแล้วทำให้สุด ยากไหม มันก็ไม่ได้ยากมาก แต่คุณต้องมีระเบียบวินัย ซึ่งสำคัญมาก วันนี้งานนี้ต้องเสร็จ ไม่มีหัวหน้ามาบอก มันคืองานที่คุณต้องรับผิดชอบเอง วันนี้ฝนตก ขี้เกียจ เราก็เป็นนะ แต่ความเป็นระเบียบวินัยมันต้องเสร็จ มันต้องมีสูง
หรืออย่างอันไหนไม่ดี เราก็ต้องบอก อันไหนที่ต้องจ่ายเงินเดินเข้าไป เราก็ต้องบอก หรือบางที่จ่ายเงินเพื่อเข้าไปชมแล้ว ถ้ามันไม่คุ้ม เราไม่เข้าดีกว่าไหม เราต้องบอก
• อย่างทุกวันนี้ เราไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ถ้ามีคนมองว่าการเป็นบล็อกเกอร์อาจจะดูไม่มั่นคงหรือเปล่า หญิงจะตอบเขาไปว่าอย่างไรคะ
หญิงว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้รวยอย่างนักธุรกิจ แต่ถามว่าเรามีเงินเก็บไหม เรามีนะคะ เราใช้เงินน้อยมากทุกวันนี้ ไปไหนเราจะประหยัดตลอด เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เงินเก็บค่ารักษาพยาบาล เราก็มีนะคะ เพราะอนาคตไม่อยากเป็นภาระใคร เราเซฟตัวเองพอสมควร ไม่ใช่ใช้ชีวิตลัลลาไปวันๆ ไม่วางแผนอะไรในชีวิตเลย มันไม่ใช่ค่ะ
• เคยคิดไหมว่าในชีวิตจะต้องมาเดินอยู่บนเส้นทางการท่องเที่ยว
เอาจริงๆ ไม่เคยนะคะ เพราะครอบครัวเราเป็นนักธุรกิจ ทางบ้านแอนตี้มากตอนแรก เพราะเขาอยากให้ทำธุรกิจ แล้วอีกอย่าง ที่ทำได้วันนี้เพราะเราโดนตราหน้าว่าเราไปไม่รอดหรอก ยิ่งคนในครอบครัวตราหน้าเรา เราก็ยิ่งต้องทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ เราไม่ได้แย่นะ ถามว่าวันนี้เรามีความสุขไหม เรามีนะ แถมยังยิ้มได้ทุกวัน แม้ไม่ได้รวยอย่างนักธุรกิจ แต่เรามีความสุข ทุกวันนี้ป๊ากับม้ายังไม่เข้าใจเลยนะว่าลูกทำอะไร ถ่ายวิดีโอแล้วได้อะไร เพราะคนบ้านนอกเนอะ เล่นอินเทอร์เน็ตไม่เป็น แต่พอเราบอกจะเดินทางไปที่ไหน เขาก็ได้แต่บอกว่าเออๆ โชคดี (ยิ้ม)
• ในอนาคตวางแผนจะทำอะไรต่อไปอีกไหมคะ
ตอนนี้ตราบเท่าที่มีแรงก็อยากจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่จริงๆ แล้วหญิงไม่เคยมองไกลเลยนะคะ ชีวิตข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร ไม่อยากคาดหวัง กลัวว่าวันหนึ่ง ถ้าไม่ได้เราจะผิดหวัง ชีวิตหญิงจะไม่เคยมองเกินสองเดือนเลยค่ะ มันคาดหวังอะไรไม่ได้กับชีวิต วันนี้เรามีความสุข แต่เราไม่รู้เลยว่าจะมีความทุกข์มาแทรกหรือเปล่า อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้หญิงว่าจะไปประเทศอินโดนีเซีย แต่ด้วยเรื่องควัน เลยคิดว่าน่าจะไปประเทศภูฏานก่อนค่ะ (ยิ้ม)
• ท้ายนี้อยากแนะนำหรืออยากฝากอะไรกับคนที่มีใจรักในการท่องเที่ยวเดินทางบ้างคะ
หญิงมองว่าเวลาที่เราเดินทางไปท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งที่เรานำออกไปคือความเป็นประเทศนั้นๆ อย่างเราคือคนไทยก็จะนำความเป็นไทยออกไปด้วย เรามีหน้าตาความเป็นไทยไป อยากให้คิดเยอะๆ ว่าวันที่คุณเดินออกไป คุณนำความเป็นไทยออกไปด้วย ถ้าเขาด่า เขาไม่ด่าตัวบุคคล เขาด่าประเทศ เขาด่าความเป็นไทย ตรงนี้หญิงเลยอยากให้เคารพวัฒนธรรมของแต่ละประเทศค่ะ เวลาเขาถามว่าเรามาจากที่ไหน เราจะได้บอกเขาด้วยความภาคภูมิใจว่าเรามาจากไทย
อีกอย่าง หญิงอยากแนะนำว่าการเดินทางแต่ละครั้ง อยากให้ศึกษาวัฒนธรรมและศาสนา ยิ่งเป็นประเทศที่เขานับถือศาสนาอิสลาม การแต่งกายเราก็ต้องมิดชิด ให้เกียรติประเทศเขา เหมือนบ้านเราถ้ามีต่างชาตินุ่งสั้น ใส่เสื้อสายเดี่ยวเข้าวัด เราก็ไม่พอใจ ตรงนี้อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ (ยิ้ม)
3 ที่ในประเทศไทยที่แนะนำให้ไปเที่ยว
จังหวัดเชียงราย
เพราะยังคงมีความเป็นเชียงรายอยู่ อาหารก็ไม่แพง บรรยากาศก็ยังน่ารัก ถ้าไปเชียงรายแนะนำให้ไปหมู่บ้านอาข่า ถือซะว่าเราจะได้ไปกระจายรายได้ให้คนในหมู่บ้านด้วย อีกอย่างเราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ นอนกางมุ้ง เดินไปอยากเด็ดอะไรกินก็กินได้เลย
จังหวัดกระบี่
อันนี้เราต้องสนับสนุน เพราะเป็นบ้านเราเอง (หัวเราะ) แม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่ากระบี่ในตัวเมืองก็ยังโอเค แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบนักท่องเที่ยวเยอะๆ เราว่ามันยังมีอะไรหลายอย่างอยู่ เช่น ท่าปอม ปอมสองน้ำ นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ไม่มีใครรู้จักเยอะค่ะ
จังหวัดอุบลราชธานี
ภาคอีสาน ส่วนตัวจะชอบจังหวัดอุบลราชธานีนะคะ เพราะที่นี่อาหารอร่อย ผู้คนก็น่ารักด้วยค่ะ (ยิ้ม)
3 ที่ ต่างประเทศที่แนะนำให้ไปเที่ยว
ประเทศอินเดีย
จะบอกว่าต้องไปสักครั้งก่อนตายค่ะ (หัวเราะ) มันได้เห็นหลายอย่าง เป็นที่ที่แบบสุดๆ อย่างตอนหญิงไปแม่น้ำคงคา เห็นคนเอาน้ำมากิน แม่น้ำนั้นสกปรกมาก แต่เรารู้ว่าคงเป็นวัฒนธรรมเขา แล้วเดินไปอีกนิด มีที่เผาศพ เราสามารถมองเห็นศพได้เลย เดินไปอีกนิดมีคนแต่งงาน เดินไปอีกนิด มีการนำศพถ่วงน้ำ วันเดียวได้หลายอารมณ์มาก อินเดียนี่คือที่สุดจริงๆ แต่ไปอินเดียได้อะไรกลับมาเยอะมาก ความคิดเปลี่ยนเยอะเลย (ยิ้ม)
ประเทศเอธิโอเปีย
ประเทศนี้ ถ้าคุณไปแล้ว คุณจะหลงรักเด็กและคนที่นั่น เพราะเขาน่ารักมากๆ ค่ะ
ประเทศเนปาล
เพราะว่าที่นี่ต้องเดินขึ้นเขา 5 วัน เป็นอะไรที่สุดๆ แล้วจริงๆ อยากให้ไปจริงๆ ค่ะ อีกอย่างใช้เงินไม่เยอะด้วยค่ะ ไปประเทศนี้รับรองว่าได้พักผ่อนจริงๆ ค่ะ เพราะบ้านเมืองเขาสงบมากๆ
Profile
ชื่อ : จารุวรรณ ภูมิชาติ
ชื่อเล่น : หญิง
วันเกิด : 20 กุมภาพันธ์ 2523
การศึกษา : ปริญญาตรี
อาชีพ : อิสระ
สามารถติดตามได้ที่ :
Migrationology.com
Travelbyying.com
Eatingthaifood.com
www.youtube.com : mark wiens
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช และ Travelbyying.com
ไม่ว่าจะอย่างไร กรณีดังกล่าวก็ทำให้ชื่อของ “หญิง-จารุวรรณ ภูมิชาติ” ได้รับการเอ่ยถึง ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นชื่นชม...จากหญิงสาวที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วออกเดินทางร่วมทริปกับคนรัก ก่อนกลับมาเขียนรีวิวลงบล็อกและยูทูป ระยะเวลากว่าครึ่งทศวรรษ ผ่านความยากลำบากที่ไม่สวยงามเหมือนในภาพความฝันของใครต่อใคร ทุกวันนี้ หญิง-จารุวรรณ กลายเป็นบล็อกเกอร์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งได้รับการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่ง คู่เคียงกับ “มาร์ค” บล็อกเกอร์คนรักของเธอ
แพ็กกระเป๋าให้พร้อม เตรียมใจให้เต็มที่ แล้วเดินทางไปกับเธอ...
• ก่อนอื่นขอเท้าความถามถึงเรื่องที่เป็นประเด็นในเว็บไซต์ชื่อดังเว็บไซต์หนึ่งหน่อยค่ะ ที่มีคนกล่าวหาว่าคุณไปขโมยภาพมาจากฝรั่งคนหนึ่ง แต่ผลปรากฏว่าฝรั่งคนนั้นเป็นสามีของคุณ ตรงนี้ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรคะ และเรื่องราวจากนั้นเป็นอย่างไรต่อ
สำหรับหญิง ตอนนี้จบแล้วล่ะค่ะ อย่างล่าสุด เขาก็มาขอโทษเป็นเรื่องเป็นราว หญิงมองว่า ด้วยความที่เขาเป็นเด็กแล้วทำอะไรไปแบบผลีผลาม แต่หญิงก็มองว่าเขาทำเพราะความหวังดีนะ เพราะเขาคือแฟนคลับของมาร์ค (สามี) ด้วย และอีกอย่าง หญิงก็ไม่อยากให้ดำเนินคดี เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรขนาดนั้น เพราะแค่กระแสสังคมที่เขาโดนไปก็น่าจะเป็นบทเรียนให้กับเขาค่อนข้างเยอะแล้ว กระแสสังคมแรงมากจริงๆ ค่ะ หญิงก็ได้แต่เตือนว่าอย่าไปทำอีก (ยิ้ม)
• โดนมากับตัวขนาดนี้ อยากให้ช่วยเตือนสติการใช้สื่อของคนในสังคมทุกวันนี้หน่อยค่ะ
หญิงมองว่าเดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันแชร์กันเร็วมาก ข้อมูลหากันง่ายมาก แต่อยู่ที่คุณจะหาข้อมูลเยอะแค่ไหน ถ้าข้อมูลชัวร์ คุณมั่นใจได้ แต่ถึงอย่างนั้น หญิงคิดว่าคุณก็ไม่ควรประจานใครขนาดนั้น อย่างน้อยควรสอบถามก่อนไหม หรือแจ้งเจ้าของรูปก่อนไหม อย่างกรณีของหญิง หญิงเห็นที่เขาโพสต์ เร็วมาก เขาโพสต์หกโมงเช้า เป็นช่วงที่คนไปทำงานพอดี แต่ถ้าเขาโพสต์สักเก้าโมง รับรองว่าหญิงจะโดนสังคมแรงมาก แต่ก็ยังมีหลายสิบคอมเมนต์เข้าไปแล้ว แล้วก็จะมีบางคนตัดสินไปแล้วว่าเราผิด อีกอย่าง หญิงอยากให้คนที่เสพข่าว ควรใจเย็นมากๆ อย่าอ่านแล้วตัดสินแบบรวดเร็ว
สำหรับหญิง หญิงจะอ่านข้อมูลเยอะขึ้น แล้วก็จะมองในความรู้สึก ใจเขาใจเราว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น จะทำอย่างไร คือคิดก่อนทำค่ะ บางทีเราอาจลืมมองไปว่า ถ้าเราเป็นฝ่ายที่โดนกระทำ เราจะทำอย่างไร หญิงคิดว่าการมองสองมุมน่าจะทำให้สังคมเราดีขึ้น อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราใช้สื่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น
ตรงนี้หญิงอยากบอกว่าเวลาเราอยากจะโพสต์อะไร เราควรคิดให้รอบคอบก่อน เพราะเราไม่สามารถเอากลับมาได้แล้ว ถึงแม้เราจะลบมันออก ก็อาจจะมีคนที่แคปชันเอาไว้ ตรงนี้มันเร็วมากนะ ถึงคุณลบไปแล้ว มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว
• จะว่าไปแล้วผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงมากเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ (ตอบเร็ว) ส่งผลต่อสภาพจิตใจเราแรงมาก วันนั้นร้องไห้หนักมาก พอเห็นข้อความปุ๊บ สิ่งแรกคือโมโห พอหลังจากความโมโหหายไป ความเสียใจกลับเข้ามาแทน ซึ่งความเสียใจอยู่กับเรานานมากนะคะ เราเข้าใจว่าทุกคนมีความคิดของตัวเอง แต่เขาคือใครทำไมต้องมาด่าเราแรงขนาดนั้น แล้วรูปอะไรต่างๆ เร็วมาก
หญิงรู้ว่าคนเรานั้นมีภูมิต้านทานที่ไม่เท่ากัน หญิงไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่รุนแรงอะไรขนาดนั้น ยังดีที่สามีหญิงบอกเราว่าให้ใจเย็นๆ (ยิ้ม)
• คุณหญิงคบกับแฟนมานานแค่ไหนแล้วคะ
6-7 ปีค่ะ และเราก็แต่งงานมา 2 ปีแล้วค่ะ (ยิ้ม)
แต่จะบอกว่า แรกๆ ที่บ้านก็แอนตี้เหมือนกันนะ รับไม่ได้เลย แล้วสายตาสังคมก็โดนแน่นอน เพราะหนึ่ง เขาจะตัดสินเราว่ามีแฟนฝรั่งเพราะฝรั่งมีเงิน สองมองว่าเราเป็นผู้หญิงอย่างนั้น ยิ่งถ้าไปที่เป็นแหล่งอโคจรด้วยนะ สายตาคนจะมองว่าเราเป็นผู้หญิงอย่างนั้นหรือเปล่า แต่หญิงมองว่าการแต่งตัวของเราบอกอะไรสังคมได้พอสมควรนะคะ สมมติเราแต่งตัวขาสั้นสายเดี่ยว ไม่แปลกใจที่ใครจะคิดว่าเราเป็นแบบนั้น เราต้องเคารพสังคมด้วย ว่าการแต่งกายของคุณมันบอกอะไรได้เยอะ มันก็เลยทำให้มองว่าการแต่งตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหลายคนที่ตัดสินคนจากภายนอก
อีกอย่าง หญิงว่าคนมองแบบนี้มานานแล้วนะคะ ด้วยความที่มีคนที่อยากแต่งงานกับชาวต่างชาติเพราะคิดว่าเขามีเงินแล้วจะได้สบาย ยอมรับว่าสังคมไทยมีจริงๆ ตรงนี้ก็เลยห้ามความคิดคนไม่ได้ เพราะมันมีแบบนั้นจริงๆ ค่ะ
• ทุกวันนี้ทางครอบครัวเราโอเคแล้วหรือยัง ยอมรับที่มีแฟนต่างชาติได้หรือยังคะ
เขาก็โอเคแล้วนะคะ เพราะเราคบกันมาหลายปีแล้วด้วย (ยิ้ม)
• ในฐานะที่มีแฟนเป็นชาวต่างชาติ ตรงนี้อยากฝากอะไรถึงคนที่มองในแง่ลบบ้างคะ
จริงๆ หญิงอยากบอกว่าต่างชาติมีทั้งดีและไม่ดีนะคะ อย่าคิดว่าต่างชาติดีเสมอไป จะมีต่างชาติที่มองผู้หญิงไทยในแบบไม่ดีนั้นก็มี เราต้องยอมรับว่ามีจริงๆ แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนทัศนคติคนที่มองในเชิงลบแบบนั้น หญิงมองว่าถ้าจะเปลี่ยนได้ คือการวางตัวของคุณเอง คือสิ่งสำคัญมาก
• คุณหญิงกับแฟนมาเจอกันได้อย่างไร เนื่องมาจากทั้งคู่ชอบเที่ยวหรือเปล่าคะ
มาจากแฟนหญิงเขาชอบท่องเที่ยวค่ะ ส่วนหญิงเป็นพนักงานออฟฟิศแล้วลาออกเพราะมีช่วงที่ร่างกายไม่ไหว ประจวบกับที่บ้านอยากให้เรียนต่อ ซึ่งพอหญิงมาเจอกับแฟน ก็เลยเบรกเรื่องเรียนไปก่อน หลังจากลาออก หญิงถามเขาว่าเราจะทำงานอะไรดี เขาเลยบอกว่าเดินทางไหม
ตอนนั้นที่หญิงเริ่มเดินทางปุ๊บ กระแสสังคมรอบบ้านมาทันที เดินทางกับฝรั่งต้องเคารพหน้าตาพ่อแม่เรานิดหนึ่ง ซึ่งบางทีเขาอาจจะไม่พูด แต่เรารู้ว่าเขารู้สึก เราก็เลยต้องคุยกันกับแฟนว่าเราเป็นผู้หญิงไทย เราไม่สามารถเดินทางกับคุณได้ขนาดนั้น เลยมานั่งคุยกันว่าแต่งงานกันไหม เพื่อจะได้ลบคำครหาของคน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะเราต้องแคร์กระแสสังคมด้วย
• แสดงว่าการเดินทางท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่แต่งงานกัน แล้วเป็นจุดเริ่มต้นของการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวด้วยหรือเปล่าคะ
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) แต่ตอนนั้นที่เดินทางครั้งแรก เราหมั้นกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันนะคะ มันเป็นจุดเริ่มต้นแรกเลยที่เราสามารถแพ็กกระเป๋าเดินทางได้เลย ซึ่งทริปแรกที่ไปคือประเทศเกาหลีค่ะ เกาหลีคือจุดแรก ส่วนการรีวิวใน Youtube เราเริ่มทำหลังจากแต่งงานแล้วค่ะ หลังจากนั้น ก็ตามมาอีกเยอะมาก (ยิ้ม)
• คุณหญิงลาออกจากงาน แล้วตอนนั้นแฟนทำอะไรอยู่คะ ทำไมเขาถึงชวนเราเดินทาง
เขาเป็นบล็อกเกอร์ค่ะ ซึ่งแฟนของหญิงจะมีรีวิวการท่องเที่ยวและอาหารไทย แล้วจะมี Youtube ด้วย จริงๆ ต้องบอกว่าเราเริ่มมาจากแฟนของหญิงแหละค่ะ เพราะประมาณปีที่แล้ว เราเห็นว่ามีคนไทยเที่ยวเยอะขึ้นด้วย เลยคิดว่าเราน่าจะเขียนรีวิวเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยบ้าง
• แสดงว่าตอนนี้หญิงถือได้ว่าเป็นบล็อกเกอร์เรื่องการท่องเที่ยวคนหนึ่งแล้วใช่ไหมคะ เห็นว่าการเดินทางของหญิงคืออาชีพเลยใช่ไหมคะ
ใช่ค่ะ เรียกว่าอาชีพได้เลย ตอนนี้เราทำเต็มตัวแล้วทั้งคู่ เราไม่ได้มีงานประจำ เราคือนักเดินทางเลย หญิงจะบอกว่าถ้าใครอยากเป็นบล็อกเกอร์ ความอดทนคือสิ่งสำคัญนะคะ สองปีแรก เราหาได้เดือนละสองพัน ใช้สองคน ไม่ง่ายเลยค่ะ คุยกันว่าเราจะกลับไปทำงานไหม เพราะอุดมการณ์และการใช้ชีวิตมันไปด้วยกันไม่ได้ไหม เขาก็บอกว่าขอเวลาครึ่งปี ถ้าไม่ไหว จะกลับไปทำงาน สรุปคือเราใช้เวลาเกือบสองปี กว่าจะยืนได้ถึงทุกวันนี้ กว่าที่คนจะรู้จัก กว่าจะทำให้ใครเชื่อถือได้มันต้องใช้เวลาและความอดทนมากๆ
• แล้วส่วนใหญ่ชอบเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแบบไหนคะ
ส่วนใหญ่จะชอบไปที่ที่ยังไม่เจริญค่ะ เพราะหนึ่งคือนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ ยังเป็นพื้นบ้าน คนยังน่ารักกับนักท่องเที่ยว อาหารก็ยังเป็นอาหารพื้นเมือง ยังไม่ปรับมาเป็นอาหารนักท่องเที่ยว ซึ่งอันไหนที่มีนักท่องเที่ยวไปเยอะ เราก็จะไปเพื่อให้รู้แต่ไม่ได้อินหรือชอบอะไรขนาดนั้น
• การที่เราไปท่องเที่ยวต่างจากคนอื่นอย่างไรคะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า เราไปทำอะไรบ้าง
ต้องบอกก่อนว่าแต่ละทริปที่ไป ต้องเที่ยวให้คุ้ม ให้นานที่สุด อย่างน้อยเดือนหนึ่ง เราไม่อยากไปลัลลา ธรรมดาทั่วไป แต่เราไปเพราะอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ อย่างหญิงคือถ้าได้วีซ่าเต็มเดือน เราก็จะอยู่เต็มเดือน ได้สามเดือน เราก็อยู่เต็มสามเดือน ซึ่งไปแต่ละที่ เราจะเดินเยอะมากเลยนะคะเพราะเราต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายคือเรื่องสำคัญมาก เพราะเราอยู่นาน ค่าใช้จ่ายมันเยอะ อันไหนที่ประหยัดได้ เราก็จะประหยัด ซึ่งเวลาเราไป ทุกครั้ง เราจะไปเพื่อซึมซับบรรยากาศเพราะถ้าใครมาถามว่าแต่ละที่มันดีอย่างไร เราก็จะสามารถตอบเขาได้ค่ะ (ยิ้ม)
• ไปเรียนรู้วัฒนธรรมของเขา??
ใช่ค่ะ (ยิ้ม) แหล่งท่องเที่ยวไหนที่คนไปกัน เราก็จะไป เพื่อให้รู้ว่ามันเป็นอย่างนี้นะ แต่เราจะพยายามถามคนในพื้นที่ หรือเราจะโพสต์บอกว่าเราจะไปญี่ปุ่น ด้วยความที่มีฐานแฟนคลับของแฟนหญิงอยู่ เขาก็จะช่วยแนะนำว่ามีที่ไหนบ้าง เราจะไปที่ที่ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจ๋าจนเกินไป อันนี้คือสิ่งที่เราได้เรียนรู้ หรือได้ไปเห็นอะไรมากกว่าตรงนั้น อย่างร้านอาหารร้านไหนดัง อร่อย ราคาถูก คนก็จะมาบอก มาแนะนำค่ะ
• แล้วแบบนี้เงินสนับสนุนตอนนี้ เราได้มาจากไหนบ้าง
ปีแรกเราเดินทางด้วยเงินที่เรามีเลยค่ะ เราเลยอาจเดินทางบ่อยมากไม่ได้ อย่างไปเกาหลี เรากลับมาก็รีบมาเขียนบล็อก ทำ Youtube เพื่อให้มีเงินไปทริปต่อไป ส่วนจุดแข็งคือเรามีฐานแฟนคลับของแฟนหญิงที่ค่อนข้างเยอะค่ะ
แต่จะบอกว่าเราไม่รับจ้างรีวิวนะคะ เพราะถ้าเรารับจ้าง แม้อาหารไม่อร่อย เราก็ต้องบอกว่าอร่อย เราไม่อยากให้คนที่ตามไปกินแล้วรู้สึกผิดหวัง หญิงจะบอกเล่าตามความรู้สึกเลยค่ะ เพราะคนที่ตามไปทาน ตามไปเที่ยว เขาจะได้ไม่ผิดหวัง เขาจ่ายเงิน ตั้งใจไป ก็ไม่อยากให้โดนหลอกค่ะ อีกอย่าง เราจะไม่รับโฆษณาด้วย อย่างกรณี ถ้ารับโฆษณามาแล้วซึ่งมันก็ยังไม่ใช่แบรนด์เราอยู่ดี เราจะพยายามสร้างแบรนด์ของเราค่ะ ซึ่งรายได้ที่ได้มาตอนนี้ จะมีอีบุ๊กสถานที่ท่องเที่ยวที่ไป เสื้อ ส่วนรายได้หลักเราจะมาจาก Youtube ค่ะ (ยิ้ม)
เราจะเคารพแฟนคลับของเรา เราเคารพเขามากกว่าตัวเงิน ถามว่าถ้าไปรีวิวว่าดี แต่ในความเป็นจริงมันไม่ดี แล้วเราจะนอนหลับสบายไหม หญิงมองในระยะยาวมากกว่า ทุกร้านที่ไปจ่ายเงินเอง บางร้านถือกล้องไป ไม่ให้ถ่ายก็มี
• อย่างในประเทศไทยมีหน่วยงานไหนติดต่อเรามาบ้างไหมคะ
มีค่ะ (ยิ้ม) มีการท่องเที่ยวติดต่อเรามาเหมือนกัน มีเชิญไป บางทีเราไม่ว่าง ไม่สะดวก เราก็เลยได้ไปแค่ทริปเดียวที่กาญจนบุรีค่ะ (ยิ้ม)
• นอกจากการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้แล้ว นอกจากนี้เรายังได้อะไรจากตรงนี้อีกบ้างคะ
จริงๆ การท่องเที่ยวให้อะไรเยอะมากเลยนะคะ มันทำให้เรามองโลกสองด้าน เห็นโลกกว้างขึ้น เมื่อก่อนเราจะตั้งคำถามว่า ทำไมๆ อย่างเดียว แต่พอเราเดินทาง เราได้เห็นคนจากโลกอีกมุมหนึ่ง เราเห็นคนที่เขามีน้ำใจ คนที่เขาไม่ได้หวังอะไรเลย เพราะปกติ เราจะมองมุมของเราอยู่แล้วเมื่อเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะมองอีกมุมหนึ่งว่าพื้นฐานแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อย่างไปแต่ละที่ที่มันไม่เจริญมาก เราจะรู้เลยว่าพื้นฐานเรามาไม่เหมือนกัน เราจะไปตัดสินใจใครไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์ ถึงบางสิ่งที่เขาทำมันอาจจะไม่ดีนัก แต่มันดีที่สุดที่เขามีแล้วตอนนั้น เราใจเย็นขึ้น ทำอะไรช้าลง ตัดสินอะไรช้าลง นั่นคือสิ่งที่เราได้กลับมาค่ะ (ยิ้ม)
• เราเดินทางมากี่ประเทศแล้วคะ แล้วความรู้สึกของเราที่ได้แตกต่างกันทุกประเทศไหม
ในช่วง 2 ปีกว่าๆ ก็น่าจะประมาณ 20 ประเทศได้แล้วค่ะ หญิงว่าทุกประเทศทุกที่ มีความแตกต่างกันนะคะ แต่จริงๆ เมื่อก่อนอยากไปประเทศที่มีอากาศหนาว แต่พอไปจริงๆ เราไม่เหมาะกับประเทศที่มีอากาศหนาว เราทนหนาวขนาดนั้นไม่ได้ บางที่ เหมือนไปให้เรียนรู้ว่ามันเป็นอย่างนี้นะ อะไรทำนองนี้ค่ะ
• ที่ผ่านมาเรามีอะไรประทับใจบ้างคะ ช่วยยกตัวอย่างเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยค่ะ
มีตอนที่ประเทศเอธิโอเปีย เป็นประเทศที่ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะไป ไม่มีอยู่ในรอยหยักสมองเลย แต่พอเราไปแล้ว เรารู้สึกว่าด้วยความที่ภาพที่เราเคยเห็น ว่าไปแล้วเราจะกินอะไรดี ตอนนั้นเราเลยเอามาม่าไปเยอะมาก ไปด้วยความที่เราทำใจไปก่อน ถามว่ามันเจริญไหมมันก็ไม่ได้เจริญมาก แต่ความน่ารักของคน เราไม่คิดว่าเราจะเจอ มีวันหนึ่งฝนตกหนักมาก เราสองคนไปยืนอยู่ใต้ร่มไม้ มีหมวกใบหนึ่ง จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมา ถือกระเบื้องแผ่นหนึ่งเพื่อมากางเป็นร่มให้ เรารู้สึกประทับใจมาก แล้วพอฝนหยุดปุ๊บ เขาเดินออกไปโดยไม่อยากได้อะไรตอบแทนเลย เรารู้สึกประทับใจมากๆ คนที่นั่นก็น่ารักมาก
• เวลาเราเดินทางแล้วเราเจอที่ที่สวยงามหรือเจอที่ที่แย่ๆ มันทำให้รู้สึกอย่างไรบ้างคะ เกิดการเปรียบเทียบไหมประมาณว่าไม่เห็นเหมือนบ้านเราเลยหรือว่าดีกว่าบ้านเราอีกอะไรทำนองนี้
มีค่ะ (ตอบเร็ว) อย่างเมืองที่เราไปก็มีทั้งเหมือนบ้านเราและมีที่ไม่เหมือน แต่เหมือนในที่นี้ก็ไม่ได้เหมือนไปซะทีเดียว รูปร่างภายนอกอาจจะเหมือน บรรยากาศอาจจะเหมือน แต่มองดีๆ เอกลักษณ์แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน ขนาดบ้านเรา คนแต่ละภาคยังไม่เหมือนกันเลยจริงไหมคะ (ยิ้ม)
• ในฐานะที่ท่องเที่ยวมาเยอะแยะมากมายทั้งประเทศที่เจริญแล้วและประเทศที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง เราคิดเห็นอย่างไรกับสภาพความเป็นอยู่ของสังคมนั้นๆ บ้างคะ
อย่างไปที่ที่เจริญก็จะเห็นอีกมุมหนึ่ง แต่เวลาไปประเทศที่ไม่เจริญ หญิงคิดว่ามันให้อะไรเราเยอะมากเลยนะคะ มันอาจจะไม่สบาย ไม่สะอาด แต่ให้ประสบการณ์อะไรเราเยอะมาก
โดยพื้นฐาน เราเป็นคนระดับกลางค่อนข้างติดดินเลย เห็นสังคมอีกสังคมที่เจริญ กินข้าววันหนึ่งเป็นพัน แล้วพอเราไปเห็นเอธิโอเปีย มันเป็นความแตกต่างที่น่าเจ็บปวด เพราะเด็กที่นี่ต้องเก็บพืชกิน เรารู้สึกแบบเจ็บปวดมาก แต่ความน่ารักของคนไม่ต่างกันเท่าไหร่ มันอยู่ที่การใช้ชีวิตมากกว่าที่ต่างกัน ส่วนตัวหญิงจะอินกับระดับกลางและระดับล่างมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)
• เป็นคนติดดิน?? แล้วส่วนตัวหญิงใช้ชีวิตอย่างไรบ้างคะ
โคตรประหยัดเลยค่ะ (หัวเราะ) เดินอย่างเดียว เดินแบบวันหนึ่ง 20 กว่ากิโลก็เคย แต่ระหว่างการเดิน เราสามารถได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างนะ ระหว่างเดิน เราได้เจอสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ถ้าเรานั่งรถเราจะผ่านจุดนี้ไป เราได้ไปเจอร้านแปลกๆ ได้เจอคน ได้เจอของถูกๆ
ส่วนตัวหญิงเป็นคนที่ประหยัดมากจริงๆ ถ้าเกิดเป็นประเทศที่มันไม่น่ากลัวมาก เป็นห้องน้ำรวม เราก็เลือกห้องน้ำรวมนะ อันไหนประหยัดได้ จะประหยัดเลย แต่ต้องดูด้วยว่าประเทศนั้นปลอดภัยแค่ไหน
อีกอย่าง ด้วยความโชคดีที่หญิงกับแฟนเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายกันตรงที่เราไม่ใช่คนเรื่องมาก กินอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ก็เลยง่ายสำหรับเรา
• ในการท่องเที่ยวแต่ละครั้ง เรามีการวางแผนไว้อย่างไรบ้าง หรือเราไปลุยพร้อมเผชิญความท้าทายเอาดาบหน้าเลยคะ
หญิงเตรียมตัวน้อยมาก อย่างไปญี่ปุ่น เตรียมตัวล่วงหน้า 2 วัน การเดินทางไม่ได้เตรียมอะไรมาก หญิงจะแพ็กกระเป๋า 2 วันกับ 2 เดือนเท่ากัน เพราะว่าเอาของที่จำเป็นเท่านั้น อย่างผงซักฟอก ยา อะไรทำนองนี้ค่ะ (ยิ้ม)
• ถือว่าเราเสพติดการท่องเที่ยวหรือเปล่าคะ เรารักการเดินทางไปแล้วหรือยัง
เสพติดค่ะ จะอยู่บ้านไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) จะว่าไป เรารักการเดินทางนะคะ มันเป็นความสุข ถึงแม้ไปแล้ว เราอาจจะเจออะไรที่มันไม่ดี แต่อยากให้มองอีกมุมหนึ่ง พยายามมองโลกสองด้านเข้าไว้ แล้วคุณจะมีความสุข อย่าไปยึดติดกับตัวเองมาก ให้มองว่าทุกคนมาจากฐานครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน หญิงมองว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งในการท่องเที่ยวนะ
• ถ้าวันหนึ่งวันใดที่เราไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ วันนั้นคิดว่าเราจะทำอย่างไร
หญิงคิดว่าหญิงคุ้มแล้วนะ หญิงจะพยายามทำทุกวัน เพราะถ้าพรุ่งนี้เป็นอะไรไป เราจะไม่เสียดายว่าทำไมเราไม่ทำ คิดเสมอและคิดทุกเรื่อง ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ต้องถามตัวเองว่าเราทำสุดแล้วจริงไหม
• อยากจะให้พูดถึงการท่องเที่ยวในแบบชีวิตหญิงหน่อยค่ะ ว่าเที่ยวอย่างไรให้ได้ความสุขกลับมา เพราะบางคนอาจไปเจอกับสิ่งที่ไม่น่าประทับใจเลย
อยากให้ทำใจไปก่อนค่ะว่ามันอาจจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ ถามตัวเองว่ารับได้ไหม ถ้าตัวเองยังยึดติดกับอะไรอยู่อย่าไป เพราะถ้าไปแล้วไม่สนุก มันจะเสียดายเงิน อย่าคาดหวังว่ามันจะสวยหรูทุกอย่าง หญิงมองว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นมันมีเหตุมีผล พยายามมองในสิ่งที่มันเป็นวันนี้ให้มากที่สุด ถ้ามันดีถือว่ามันเป็นกำไรชีวิต ถ้าไม่ดีถือว่าเสมอตัว
• แล้วถ้าอยากไปเที่ยวให้ได้แบบหญิงต้องเริ่มต้นอย่างไร สิ่งที่ต้องมีคืออะไรบ้าง ปัจจัยหลักที่ต้องมี ใช่เวลากับเงินหรือเปล่าคะ
เริ่มต้นอย่างไรเหรอคะ หญิงว่าเราต้องรู้ก่อนว่าประเทศเขานับถือศาสนาอะไร เพราะการแต่งตัวสำคัญ ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน เขามีวัฒนธรรมแบบนั้น เราก็ควรแต่งตัวมิดชิด เราควรจะเคารพ ไม่ใช่แต่งสบายๆ
ส่วนเรื่องของปัจจัย หญิงมองว่าเวลาคือปัจจัยหลักนะคะ เพราะคนที่เขาจะไปเที่ยวหญิงเชื่อว่าเขาต้องมีเงินเก็บอยู่แล้ว ตรงนี้หญิงเลยมองว่าเงินไม่ได้เป็นปัจจัยหลักเท่าไหร่
• นอกจากการท่องเที่ยวและเดินทางแล้วยังมีอะไรที่ทำให้หญิงมีความสุขอีกไหมคะ
การกินค่ะ (หัวเราะ) หญิงจะมีความสุขมาก ยิ่งได้กินอะไรแปลกๆ อร่อยๆ หรือถึงไม่อร่อยแต่แปลก เราก็มีความสุขแล้วค่ะ (ยิ้ม)
• ในความเป็นบล็อกเกอร์เรื่องท่องเที่ยว เราได้มีการสนับสนุนให้คนไปท่องเที่ยวในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน อย่างไรคะ
ส่วนตัวหญิงชอบอยู่ไทยนะ หญิงชอบประเทศไทยเพราะสามารถคุยกับใครก็ได้ ปลอดภัย แต่พอต่างประเทศ เราไม่รู้ว่ามันยังไงแค่ไหน เมืองไทยของถูก อาหารก็กินอิ่ม แต่ด้วยความที่พอกลับมา มีเวลาไม่เยอะมาก เราพยายามเขียนบทความให้เสร็จก่อนที่จะไปอีกทริปหนึ่ง ที่ทำอยู่คือจะมีในไทย 40% ต่างประเทศ 60% อย่างบ้านเรา เราจะมองว่าเดี๋ยวไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ไปซะที (หัวเราะ)
• หลายคนอาจมองว่าการเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวเราดูสนุก สบายเพราะแค่กิน แค่เที่ยวไปวันๆ
ตรงนี้จะมีคนมาคอมเมนต์เยอะมากนะคะว่าเราใช้ชีวิตแบบในฝันเขาเลย แต่ว่ากว่าเราจะมาถึงตรงนี้ได้ 4-5 ปีที่ผ่านมา มันรากเลือดมากเลยนะ สองปีแรก ไม่มีใครเห็นว่าเราลำบากแค่ไหน ลำบากถึงขนาดต้องคิดว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร เงินในบัญชีเริ่มหมด กว่าจะถึงวันนี้ เราไม่ได้มีครอบครัวที่สนับสนุนขนาดนั้น ไม่ได้มีเงินทุนขนาดนั้น เรามาจากศูนย์ คนถามว่าเราใช้ชีวิต Slow life บอกเลยว่า ไม่ใช่เลยค่ะ
ทุกวันนี้ เราต้องนอนเที่ยงคืน ตื่นตีห้า เราไม่มีวันหยุด ทำงานเจ็ดวัน ทุกวันคือการทำงาน ทุกวินาทีคืองาน คือเช้ามา เราต้องมานั่งดูรูป เลือกรูป แฟนหญิงจะทำในส่วนของเขา หญิงก็จะทำในส่วนของหญิง มันต้องหาข้อมูลเยอะมาก พยายามทำให้คนเขียนอีเมลมาด่าให้น้อยที่สุด (หัวเราะ)
การเขียนรีวิวมันใช้เวลานานมาก แล้วอย่างคอมเมนต์ วันหนึ่งที่แฟนหญิงต้องตอบใช้เวลานานมาก มากกว่าสามชั่วโมงได้เลยค่ะ แล้วเป็นพันๆ คอมเมนต์ ไหนจะมาตัดต่ออีก ทำกันสองคน เราไม่มีทีม ทุกวันนี้ถามว่ามีเวลาไปเดตไหม ไม่มีนะคะ (หัวเราะ) ขนาดไปกินข้าว ยังต้องเอากล้องไปเพื่อถ่ายรูป จนมีช่วงหนึ่งต้องคุยกันเลยค่ะว่าชีวิตแต่งงาน ชีวิตส่วนตัวเราหายไป มันกลายเป็นชีวิตการทำงานไปแล้ว ไม่ง่ายจริงๆ เราทำงาน 24 ชม. เลย
• ยืนยันว่าการเป็นบล็อกเกอร์มันไม่ง่ายเลย
จริงๆ หญิงคิดว่าใครๆ ก็ทำได้ รักอะไรสักอย่างหนึ่ง คุณก็สามารถทำได้แล้ว เราต้องทำด้วยความรักแล้วทำให้สุด ยากไหม มันก็ไม่ได้ยากมาก แต่คุณต้องมีระเบียบวินัย ซึ่งสำคัญมาก วันนี้งานนี้ต้องเสร็จ ไม่มีหัวหน้ามาบอก มันคืองานที่คุณต้องรับผิดชอบเอง วันนี้ฝนตก ขี้เกียจ เราก็เป็นนะ แต่ความเป็นระเบียบวินัยมันต้องเสร็จ มันต้องมีสูง
หรืออย่างอันไหนไม่ดี เราก็ต้องบอก อันไหนที่ต้องจ่ายเงินเดินเข้าไป เราก็ต้องบอก หรือบางที่จ่ายเงินเพื่อเข้าไปชมแล้ว ถ้ามันไม่คุ้ม เราไม่เข้าดีกว่าไหม เราต้องบอก
• อย่างทุกวันนี้ เราไม่มีงานเป็นหลักแหล่ง ถ้ามีคนมองว่าการเป็นบล็อกเกอร์อาจจะดูไม่มั่นคงหรือเปล่า หญิงจะตอบเขาไปว่าอย่างไรคะ
หญิงว่า ถึงแม้ว่าเราไม่ได้รวยอย่างนักธุรกิจ แต่ถามว่าเรามีเงินเก็บไหม เรามีนะคะ เราใช้เงินน้อยมากทุกวันนี้ ไปไหนเราจะประหยัดตลอด เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เงินเก็บค่ารักษาพยาบาล เราก็มีนะคะ เพราะอนาคตไม่อยากเป็นภาระใคร เราเซฟตัวเองพอสมควร ไม่ใช่ใช้ชีวิตลัลลาไปวันๆ ไม่วางแผนอะไรในชีวิตเลย มันไม่ใช่ค่ะ
• เคยคิดไหมว่าในชีวิตจะต้องมาเดินอยู่บนเส้นทางการท่องเที่ยว
เอาจริงๆ ไม่เคยนะคะ เพราะครอบครัวเราเป็นนักธุรกิจ ทางบ้านแอนตี้มากตอนแรก เพราะเขาอยากให้ทำธุรกิจ แล้วอีกอย่าง ที่ทำได้วันนี้เพราะเราโดนตราหน้าว่าเราไปไม่รอดหรอก ยิ่งคนในครอบครัวตราหน้าเรา เราก็ยิ่งต้องทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้ เราไม่ได้แย่นะ ถามว่าวันนี้เรามีความสุขไหม เรามีนะ แถมยังยิ้มได้ทุกวัน แม้ไม่ได้รวยอย่างนักธุรกิจ แต่เรามีความสุข ทุกวันนี้ป๊ากับม้ายังไม่เข้าใจเลยนะว่าลูกทำอะไร ถ่ายวิดีโอแล้วได้อะไร เพราะคนบ้านนอกเนอะ เล่นอินเทอร์เน็ตไม่เป็น แต่พอเราบอกจะเดินทางไปที่ไหน เขาก็ได้แต่บอกว่าเออๆ โชคดี (ยิ้ม)
• ในอนาคตวางแผนจะทำอะไรต่อไปอีกไหมคะ
ตอนนี้ตราบเท่าที่มีแรงก็อยากจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่จริงๆ แล้วหญิงไม่เคยมองไกลเลยนะคะ ชีวิตข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร ไม่อยากคาดหวัง กลัวว่าวันหนึ่ง ถ้าไม่ได้เราจะผิดหวัง ชีวิตหญิงจะไม่เคยมองเกินสองเดือนเลยค่ะ มันคาดหวังอะไรไม่ได้กับชีวิต วันนี้เรามีความสุข แต่เราไม่รู้เลยว่าจะมีความทุกข์มาแทรกหรือเปล่า อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน แต่ในอนาคตอันใกล้นี้หญิงว่าจะไปประเทศอินโดนีเซีย แต่ด้วยเรื่องควัน เลยคิดว่าน่าจะไปประเทศภูฏานก่อนค่ะ (ยิ้ม)
• ท้ายนี้อยากแนะนำหรืออยากฝากอะไรกับคนที่มีใจรักในการท่องเที่ยวเดินทางบ้างคะ
หญิงมองว่าเวลาที่เราเดินทางไปท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งที่เรานำออกไปคือความเป็นประเทศนั้นๆ อย่างเราคือคนไทยก็จะนำความเป็นไทยออกไปด้วย เรามีหน้าตาความเป็นไทยไป อยากให้คิดเยอะๆ ว่าวันที่คุณเดินออกไป คุณนำความเป็นไทยออกไปด้วย ถ้าเขาด่า เขาไม่ด่าตัวบุคคล เขาด่าประเทศ เขาด่าความเป็นไทย ตรงนี้หญิงเลยอยากให้เคารพวัฒนธรรมของแต่ละประเทศค่ะ เวลาเขาถามว่าเรามาจากที่ไหน เราจะได้บอกเขาด้วยความภาคภูมิใจว่าเรามาจากไทย
อีกอย่าง หญิงอยากแนะนำว่าการเดินทางแต่ละครั้ง อยากให้ศึกษาวัฒนธรรมและศาสนา ยิ่งเป็นประเทศที่เขานับถือศาสนาอิสลาม การแต่งกายเราก็ต้องมิดชิด ให้เกียรติประเทศเขา เหมือนบ้านเราถ้ามีต่างชาตินุ่งสั้น ใส่เสื้อสายเดี่ยวเข้าวัด เราก็ไม่พอใจ ตรงนี้อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ (ยิ้ม)
3 ที่ในประเทศไทยที่แนะนำให้ไปเที่ยว
จังหวัดเชียงราย
เพราะยังคงมีความเป็นเชียงรายอยู่ อาหารก็ไม่แพง บรรยากาศก็ยังน่ารัก ถ้าไปเชียงรายแนะนำให้ไปหมู่บ้านอาข่า ถือซะว่าเราจะได้ไปกระจายรายได้ให้คนในหมู่บ้านด้วย อีกอย่างเราจะได้สัมผัสกับธรรมชาติ นอนกางมุ้ง เดินไปอยากเด็ดอะไรกินก็กินได้เลย
จังหวัดกระบี่
อันนี้เราต้องสนับสนุน เพราะเป็นบ้านเราเอง (หัวเราะ) แม้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะก็ตาม แต่ส่วนตัวมองว่ากระบี่ในตัวเมืองก็ยังโอเค แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบนักท่องเที่ยวเยอะๆ เราว่ามันยังมีอะไรหลายอย่างอยู่ เช่น ท่าปอม ปอมสองน้ำ นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมาก ไม่มีใครรู้จักเยอะค่ะ
จังหวัดอุบลราชธานี
ภาคอีสาน ส่วนตัวจะชอบจังหวัดอุบลราชธานีนะคะ เพราะที่นี่อาหารอร่อย ผู้คนก็น่ารักด้วยค่ะ (ยิ้ม)
3 ที่ ต่างประเทศที่แนะนำให้ไปเที่ยว
ประเทศอินเดีย
จะบอกว่าต้องไปสักครั้งก่อนตายค่ะ (หัวเราะ) มันได้เห็นหลายอย่าง เป็นที่ที่แบบสุดๆ อย่างตอนหญิงไปแม่น้ำคงคา เห็นคนเอาน้ำมากิน แม่น้ำนั้นสกปรกมาก แต่เรารู้ว่าคงเป็นวัฒนธรรมเขา แล้วเดินไปอีกนิด มีที่เผาศพ เราสามารถมองเห็นศพได้เลย เดินไปอีกนิดมีคนแต่งงาน เดินไปอีกนิด มีการนำศพถ่วงน้ำ วันเดียวได้หลายอารมณ์มาก อินเดียนี่คือที่สุดจริงๆ แต่ไปอินเดียได้อะไรกลับมาเยอะมาก ความคิดเปลี่ยนเยอะเลย (ยิ้ม)
ประเทศเอธิโอเปีย
ประเทศนี้ ถ้าคุณไปแล้ว คุณจะหลงรักเด็กและคนที่นั่น เพราะเขาน่ารักมากๆ ค่ะ
ประเทศเนปาล
เพราะว่าที่นี่ต้องเดินขึ้นเขา 5 วัน เป็นอะไรที่สุดๆ แล้วจริงๆ อยากให้ไปจริงๆ ค่ะ อีกอย่างใช้เงินไม่เยอะด้วยค่ะ ไปประเทศนี้รับรองว่าได้พักผ่อนจริงๆ ค่ะ เพราะบ้านเมืองเขาสงบมากๆ
Profile
ชื่อ : จารุวรรณ ภูมิชาติ
ชื่อเล่น : หญิง
วันเกิด : 20 กุมภาพันธ์ 2523
การศึกษา : ปริญญาตรี
อาชีพ : อิสระ
สามารถติดตามได้ที่ :
Migrationology.com
Travelbyying.com
Eatingthaifood.com
www.youtube.com : mark wiens
เรื่อง : วรัญญา งามขำ, อนงค์นาฏ ชนะกุล
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช และ Travelbyying.com