โฆษก กอ.รมน.เผยเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ช่วงที่ผ่านมาชี้ให้เห็นผู้ก่อเหตุยังก่อกวนในรูปแบบต่างๆ หัวหน้าชุดพูดคุยฯ สั่งปรับมาตรการป้องกัน เพิ่มปฏิบัติการเชิงรุก พร้อมขอให้สนับสนุนกระบวนการพูดคุยที่เป็นแนวสันติวิธี เป็นที่ยอมรับในทางสากล วอนประชาชนร่วมกันปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ
พล.ต.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยคำชี้แจงของ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เหตุการณ์ด้านความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นในห้วงเดือน ต.ค. 58 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือน พ.ย. 58 นั้น ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตามยังคงเป็นฝ่ายริเริ่มก่อกวนในรูปแบบต่างๆ ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นต้องรีบดำเนินการในห้วงนี้ก็คือ การปรับมาตรการระวังป้องกัน และเพิ่มการปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อจำกัดเสรีและลดขีดความสามารถของกลุ่มผู้ก่อเหตุฯ โดยที่ฝ่ายรัฐต้องครองความมีอิทธิพลเหนือพื้นที่ปฏิบัติการให้ได้ทั้งในชุมชนเขตเมือง เส้นทางคมนาคม ชนบทป่าเขา และพื้นที่ชายแดน
พล.ต.บรรพตกล่าวว่า ทุกท่านย่อมตระหนักดีว่าห้วงเวลาที่ผ่านมาเกือบ 12 ปีแล้ว ที่ฝ่ายรัฐได้ทุ่มเทความพยายามในการยุติเหตุความรุนแรงแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้น ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องใช้กระบวนการพูดคุย ซึ่งเป็นแนวทางสันติวิธีไปสร้างความไว้วางใจกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ให้หันกลับมาเห็นด้วยกับรัฐ ในเรื่องที่สามารถตกลงร่วมกันได้ เพื่อความสงบสุขปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ให้บังเกิดผลในพื้นที่แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้การพูดคุยกับทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ยังมองการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่างไปจากรัฐ
“คณะพูดคุยฯ ได้จัดทำชุดความคิดแล้ว ใน 3 ประเด็นหลัก คือ การกำหนดพื้นที่ปลอดภัย, เรื่องเร่งด่วนที่ต้องพัฒนาในพื้นที่และกระบวนการยุติธรรมทางเลือก ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกันก่อนโดยการจัดตั้ง “คณะทำงานเทคนิคร่วม” ที่ประกอบด้วยทุกฝ่าย ไปกำหนดแนวทางในประเด็นความร่วมมือให้ได้ภายใต้กรอบชุดความคิดดังกล่าว เมื่อมีความชัดเจนแล้วจำเป็นต้องให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นชอบด้วย เพราะเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย และได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
สำหรับในปีงบประมาณ 2559 คณะพูดคุยฯ ได้หารือขั้นต้นกับผู้อำนวยความสะดวกแล้ว เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 58 รวมทั้งได้ประชุมคณะพูดคุยชุดใหม่ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 58 นี้ โดยได้กำหนดกรอบแนวทางในการทำงานและได้นำนโยบาย ข้อเน้นย้ำ ข้อห่วงใย และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้สร้างความไว้วางใจให้ได้ก่อน และให้ความสำคัญต่อทุกกลุ่ม ไม่ว่ากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ ทั้งเป็นกลุ่มติดอาวุธและไม่ติดอาวุธ ไม่ใช่การยอมรับเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เราเข้าใจกฎหมายสากลดี และการแก้ปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องภายในของไทยที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อให้การพูดคุยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และผลการพูดคุยจะถูกส่งผ่านชุดความคิดทั้ง 3 ประเด็นลงไปสู่การปฏิบัติ (ACTION) ในพื้นที่ โดยต้องให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเท่านั้น จึงจะทำให้เหตุรุนแรงลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการเชิงรุกของฝ่ายเราในการป้องกันเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.ต.บรรพตกล่าวว่า การทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลง จำเป็นต้อง สร้างความไว้วางใจจนถึงขั้นเกิดความร่วมมือในประเด็นสำคัญที่สามารถสร้างเป็นโมเดลความร่วมมือในพื้นที่ให้สำเร็จก่อน ไม่ใช่โมเดลที่เกิดขึ้นโดยฝ่ายรัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นโมเดลที่เกิดขึ้นร่วมกันระหว่างภาครัฐ และกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ ทุกพวก ทุกฝ่าย โดยมีภาคประชาชนให้การสนับสนุน
สรุปทั้งหมดที่ พล.อ.อักษรากล่าวมานั้นคือ สิ่งที่คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จึงขอให้ทุกท่านได้สนับสนุนกระบวนการพูดคุยซึ่งเป็นแนวทางสันติวิธีและได้รับการยอมรับในทางสากล และขอให้ภาคประชาชนพื้นที่ได้ร่วมกันปฏิเสธความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใดก็ตาม และสนับสนุนกระบวนการพูดคุยในพื้นที่เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง