รมว.ยุติธรรม สั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ส่ง “อาท” ผู้ต้องหาคดี 112 ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หลัง “สารวัตรเอี๊ยด-หมอหยอง” เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังจนถูกวิจารณ์แซด ขอสื่ออย่าเอ่ยชื่อบุคคลที่ยังไม่ชัดเจนทำผิด ม.112 อ้างสงสารลูกเมียเขา
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเสียชีวิตของผู้ต้องหามาตรา 112 ประกอบด้วย พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ “สารวัตรเอี๊ยด” ที่ผูกคอตาย และนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ “หมอหยอง” ที่เสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ที่ทั้งคู่ถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีว่า วันที่ 10 พ.ย.สั่งการให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์นำนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ “อาท ชัตเตอร์มหาเทพ” ผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 ที่เหลือเพียงรายเดียวที่ยังถูกคุมขังที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนไชยศรี ไปตรวจร่างกายเพื่อดูว่าป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ทำให้มีประเด็นที่จะมองซึ่งในแง่ของการเสียชีวิต แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าในลักษณะนี้ไม่มีรายเดียวในกรมราชทัณฑ์ 3 แสนกว่ารายที่อยู่ในเรือนจำก็เสียชีวิตแบบนี้ ทั้งการผูกคอตายและจากโรคประจำตัวก็มีมาตลอด
“อย่างการผูกคอตายเป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาของเขาเอง แต่การจะพูดอะไรก็ต้องเคารพผู้เสียชีวิตด้วย ส่วนการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ ก็มีการเสียชีวิตอยู่ตลอดเวลาในแต่ละราชทัณฑ์ อยากให้เข้าใจเรื่องอย่างนี้ให้มาก ขณะที่เรื่องดังกล่าวได้มีการรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นการภายใน ไม่ได้มีการชี้แจงในที่ประชุม ครม.”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการติดตามนายทหารยศพันเอกที่หนีไปยังพม่าหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ตนดูเฉพาะกรณีมีการส่งผู้ต้องหามาฝากขัง กรมราชทัณฑ์มีหน้าที่ต่อจากศาล เมื่อศาลสั่งก็ฝากขังไว้ในขณะที่คดียังไม่เด็ดขาด บอกสื่อหลายครั้งแล้วต้องเคารพคนที่มีชื่อในกระแสข่าว แต่หากมันชัดเจนแล้วค่อยลงเสนอข่าว
ต่อข้อถามว่า หนักใจหรือไม่ต้องมาดูกรณีที่เป็นเรื่องหนักๆ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา อย่างระเบิดที่แยกราชประสงค์ต้องดูให้ดี เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ ต้องย้ำกันเยอะหน่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีมาตรา 112 ในส่วนของฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช.ได้พูดคุยเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนเป็นประธานคณะทำงานติดตามผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็จริง แค่บูรณาการให้เป็นเอกภาพ แต่หน่วยงานที่ดูแล ทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดำเนินการส่วนนี้ได้หมด อย่างกรณีนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหลัก ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่หากเกิดอะไรรัฐบาลเองก็ต้องรับผิดชอบ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า แน่นอน ในแง่การบริหารงาน แต่ต้องดูรัฐบาลด้วยความเป็นธรรมด้วย การเข้าไปดูเป็นรายบุคคลมันยาก แต่ในแง่ของภาพรวมเองต้องดู ไม่ได้ปฏิเสธ
ส่วนความผิดปกติโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์นั้น พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ตนเพียงแต่วอนสื่อเวลาไปเอ่ยชื่อคนที่แค่มีชื่อในกระแสข่าวโซเชียลมีเดีย ต้องเคารพเขาด้วย อยากให้ฟัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นหลักจะได้ไม่สับสน เพราะเป็นคดีมาตรา 112 ทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นถ้าเสนออะไรไปผิดๆ เรื่องจะกลับมาหาพวกเราได้ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่มีชื่อก็วุ่นวายไปหมด เขาก็มีลูกเมีย ต้องให้เกียรติกัน แต่ทุกอย่างมันชัดจะลงข่าวก็ไม่ว่ากัน ส่วนเส้นทางการเงินในคดีมาตรา 112 งานด้านข่าวก็สามารถดำเนินการสอบได้หมด ถ้ามีมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็รับไปดำเนินการต่อ