นายกฯ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดสื่อสารคดีในโครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยขอให้ย้อนดูสิ่งสถาบันฯ ได้ทำ อย่ามองแต่ตอนนี้ที่เจริญหรือเชื่อคำบิดเบือน เชื่อคนไทยมีความกตัญญู พร้อมแก้แนวคิดการศึกษารองรับสิ่งที่ชาติต้องการ เน้นสายอาชีวะ รับเริ่มเห็นแสงสว่างชาติ ตัดพ้อไม่มีใครสงสาร ย้ำทำเพื่อทุกคน เปรียบเหมือนต่อเลโก้ที่กระจัดกระจายใหม่ รบ.ใหม่ต้องทำแบบที่ตนทำ บ่นอยากเป็นกันจังนายกฯ เงินก็น้อยคนก็ด่า รับไม่สบายใจปัญหาอาชญากรรม
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดสื่อสารคดีในโครงการจัดนิทรรศการและสื่อสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้อยากให้มีการสรุปให้ได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทำอะไรให้เราบ้าง ไม่เช่นนั้นวันหน้าก็จะไม่เข้าใจกัน เพราะหลายคนอาจจะเกิดไม่ทันทำให้ไม่มีการรับรู้ จึงขอให้ไปคิดว่าจะทำอย่างไรในการเชื่อมต่อคนในรุ่นอดีต ปัจจุบันและอนาคต อยากให้ย้อนกลับไปดูว่าสิ่งที่สถาบันฯ ทำในพื้นที่ต่างๆ ในอดีตและปัจจุบันต่างกันอย่างไร ไม่เช่นนั้นหากดูแต่ปัจจุบันก็เห็นว่าบ้านเมืองดีขึ้นและเจริญแล้วจึงไม่ทำอะไร เอาแต่ประชาธิปไตย เรียกร้องสิทธิมนุษยชน จึงขอร้องอย่าเชื่อคำบิดเบือนเหล่านั้น ทุกพระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนและได้วางพื้นฐานไว้ทั้งสิ้น และยืนยันว่าสถาบันฯ ไม่เคยให้ใครมารักพระองค์ท่าน แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยหัวใจ และที่ผ่านมาเรามีประวัติศาสตร์ สถาบันฯ ได้ทำให้คนไทยมาตั้งแต่สมัยการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และเมื่อเป็นประชาธิปไตยก็ยังทำต่อ ไม่ใช่ว่าพระองค์ท่านจะมาแย่งความนิยมและความรักจากรัฐบาล แต่ได้ทำมาก่อน รัฐบาลถึงมาต่อ เชื่อว่าคนไทยมีความกตัญญูรู้คุณอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการนำหลักคิดที่พระองค์ท่านทรงสอนมาขับเคลื่อนประเทศ และเขียนในแผนพัฒนาประเทศมา 2-3 แผนแล้ว แต่ก็ไม่มีการขับเคลื่อนอย่างแท้จริง ทำให้เกิดช่องว่างขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลจึงต้องแก้ไขปัญหา โดยตอนนี้มีนโยบายประชารัฐซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาก็ใช้งบประมาณในเรื่องไม่เป็นเรื่อง รวมถึงการศึกษาที่ต้องแก้แนวคิด ให้มีอิสระได้แต่ต้องมีจุดร่วมบ้าง ไม่ใช่เพียงแสวงหาจุดต่าง ไม่เช่นนั้นก็ปรองดองกันไม่ได้ จะให้ใช้กฎหมายหรืออำนาจในการปรองดองเป็นไปไม่ได้ จึงต้องปลุกจิตสำนึก ไม่ใช่ปล่อยให้มีฝั่งซ้าย ฝั่งขวา และคนตรงกลางที่เพิกเฉย แต่ต้องการให้ประเทศแข็งแรงซึ่งขึ้นอยู่คนไทยทุกคน ไม่ใช่เพียง ครม.อย่างเดียว และวันนี้เรื่องการศึกษาก็ติดที่ว่าเรียนเพื่อปริญญาเท่านั้น แต่ไม่มีจุดหมายในชีวิต จึงต้องปรับในส่วนนี้ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เสนอให้มีสถาบันศึกษารองรับกับสิ่งที่ประเทศต้องการในอนาคต และขณะนี้ขาดแรงงานระดับบนกว่า 6 หมื่นคน และจะเพิ่มเป็น 1 แสนคนในปีหน้า หากมีนักเรียนสายอาชีวะก็จะสามารถรองรับในส่วนนี้ได้ และควรเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษรองรับการเข้าสู่ประขาคมอาเซียน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ปัญหาในประเทศวันนี้ยังไม่จบ แต่ก็เป็นไปด้วยดีในระดับที่ 1 ซึ่งระดับที่ 2 จะต้องดีกว่านี้ ในเวลาที่เหลืออยู่ 18 เดือน จากนั้นก็ต้องพึ่งคนไทยทุกคนที่ต้องเลือกตั้งให้ประเทศเดินหน้าด้วยประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยมีรัฐบาลที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน และพูดได้อย่างที่ตนพูด แต่เขาคงไม่ค่อยพูด เพราะจะเป็นการบล็อคตัวเอง ถ้าเขาไม่พูดแบบตน ทุกคนก็จะคิดถึงตนที่พูดอยู่ทุกวัน ซึ่งวันนี้เริ่มเห็นทางสว่างไปในอนาคตว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปด้วยดี และยืนยันว่าวันนี้ที่เข้ามา ไม่ได้เข้ามาเพื่อรังแกใคร แต่เข้ามาเดินหน้ากระบวนการยุติธรรม และสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ ไม่ได้อยากอยู่ให้เสียไปเรื่อยๆ ทำไมไม่มีใครสงสารตนเลย มัวแต่สงสารนางเอกในละคร แต่ตนและครม.เข้ามาทำเพื่อทุกคน เพราะเห็นอันตรายของบ้านเมือง ถ้าประเทศไม่เข้มแข็งในวันนี้ อีก 2-3 ปีเราก็จะตกไปอยู่อันดับท้ายสุดในอาเซียน เพราะไทยเอาแต่เรื่องเลือกตั้งเพื่อจะเข้ามาใหม่ แต่จะทำสิ่งที่ผิดพลาดเหมือนเดิมอีกหรือไม่ก็ไม่รู้
“วันนี้เราต้องต่อเลโก้ประเทศไทย เหมือนเอาตัวต่อที่เคยเป็นภาพของความเข้มแข็งตระหง่านเป็นที่ 1 ในอาเซียน แต่ตัวต่อเหล่านั้นถูกทำให้กระจัดกระจายด้วยการเมือง ความขัดแย้งและวาทกรรมต่างๆ เราจึงต้องค่อยๆ เก็บรวมรวมมาต่อใหม่ แต่งเติมสีสัน เพื่อไม่ให้กระจัดกระจายออกไปอีก ตอนนี้รัฐบาลมีเวลา 18 เดือน มีรัฐบาลใหม่ บอกว่าเป็นประชาธิปไตย 100% ผมไม่เถียง แต่ต้องบอกให้เขาทำแบบที่ผมทำ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องมีประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งและทำงานควบคู่ไปด้วย พอพูดแบบนี้ก็หาว่าผมอยากอยู่ต่อ ใครอยากเป็นนายกฯ ก็มาเลย ดูเหมือนดี แต่มันก็คงดี ทำไมคนอยากมาเป็นกันนักไม่เข้าใจ เงินก็น้อย คนด่าก็เยอะ ทำไมยังทนอยู่ได้ ผมไม่ค่อยทน เพราะความอดทนมีขีดจำกัด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้ไม่สบายใจเรื่องปัญหาสังคมเกี่ยวกับข่าวเรื่องจี้ ปล้น ทำร้ายและยิงกัน สังคมเมืองพุทธทำไมทำกันเช่นนี้ คนไทยติดกับดักความคิดตัวเอง ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน รู้แต่ปัญหาแต่ไม่รู้วิธีการ ไม่รู้ว่าบ้านเมืองเสียหายอย่างไร โยนให้รัฐบาลและตนทำ ซึ่งตนไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ แต่ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน