โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย “ประยุทธ์” เร่งรัดนิคมยางพาราให้เป็นรูปธรรม แนะนำข้อเท็จจริงม็อบเกษตรกรมาคุยแบบเปิดอก จะทำแนวทางแค่เอาใจไม่ได้ ขออย่าเดินขบวน จี้หน่วยงานรัฐไปแก้ปมพืชผลราคาตก ชี้เรียกร้องจ่ายชดเชยแก้ไม่ตรงจุด รับศูนย์ดำรงธรรมแก้ปัญหาตำรวจไม่คืบ ชง “ประวิตร” ถก สตช. เพิ่มส่วนงานร้องเรียน
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.45 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เร่งรัดจากที่เคยมีข้อสั่งการเรื่องนิคมยางพารา รับเบอร์ซิตี้ ศูนย์ทดสอบยางล้อ อยากเร่งรัดให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และพูดถึงการแก้ปัญหาเกษตรกรโดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตรที่มีปัญหาบ่อย เช่น ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา นายกฯ ปรารภว่า ปัญหาทุกเรื่องมีทางแก้ แต่การแก้ไขต้องนำข้อเท็จจริงมาคุยเปิดอก เป็นการคุยกันที่ยอมรับฟังคู่สนทนาว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร การจะกำหนดแนวทางแก้ปัญหาจะเอาแต่ใจกลุ่มนั้น ฝ่ายนั้น หรือเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชชนิดนั้นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูปัญหาอื่น ๆ มาประกอบ ถ้าคุยลักษณะให้ข้อเท็จจริงซึ่งกันและกันรับฟังคนอื่นเขาบ้าง มันไม่มีปัญหาอะไรในโลกมนุษย์ที่แก้ไม่ได้ มันต้องแก้ได้ ขออย่าอย่างเดียวว่าอย่าเดินขบวน กดดัน เพราะไม่ใช่แนวทางแก้ไข
“นายกฯ จึงฝากกระทรวง หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง หากมีปัญหาเรื่องราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ต้องเร่งลงไปแก้ปัญหาโดยด่วนและลงไปพูดคุยกับเกษตรกรเพื่อกำหนดแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน อย่ารอให้เขารู้สึกว่าไม่ได้รับการสนใจในการแก้ปัญหา และพี่น้องเกษตรกรต้องไม่เดินขบวน หรือเรียกร้องจ่ายเงินชดเชยอย่างเดียว ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ตรงกับจุดกำเนิดของปัญหา ถ้าเป็นคนไทยด้วยกันต้องคุยกัน ถ้าเดินขบวนต้องว่ากันที่แกนนำ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เรื่องศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องร้องเรียน หมายความถึงส่วนที่เกี่ยวพันที่ประชาชนมีปัญหาคับข้องหมองใจ หรือดำเนินการร้องทุกข์ แจ้งความเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คืบหน้า คือ เรื่องที่เกี่ยวกับตำรวจ นายกฯ ชื่นชมตำรวจที่ให้การบริการที่ดีกับประชาชน เช่น จัดสถานที่จอดรถ แต่ควรมีอะไรได้มากกว่านั้น หมายความว่า แต่ละจังหวัดมีศูนย์ดำรงธรรมประชาชนที่ประสบปัญหาในจังหวัดนั้นๆ นายกฯเสนอแนวคิดมอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ลองหาแนวทางและคุย สตช. ว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแยกเรื่องที่เป็นปัญหาในส่วนของตำรวจออกมา คล้ายศูนย์ดำรงธรรมของตำรวจ แต่ไม่ได้หมายความแต่ละจังหวัดจะตั้งซ้อน อาจใช้สถานที่เดียวกับศูนย์ดำรงธรรม แต่แยกส่วนกัน ให้ชัดเจนว่าเรื่องร้องทุกข์เรื่องใดจะแจ้งกับส่วนนี้ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับการร้องทุกข์ที่สัมพันธ์กับการทำงานของตำรวจก็ให้อีกส่วนงานหนึ่งรับผิดชอบ เพื่อความสะดวกของประชาชน ทำให้แยกเรื่องเป็นหมวดหมู่