โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยเตรียมตั้งวิปร่วม 3 สายประสานงานระหว่าง ครม.-สนช.-สปท. ในการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ระบุนายกฯ ฝากกระทรวงเศรษฐกิจ ประสานเอกชนทำซีเอสอาร์ประเด็นรัฐวิสาหกิจชุมชน โซเชียลบิซิเนส ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก บี้มหาดไทย กลาโหม คสช. และ สตช.ประสานงานเข้มงวดไม่ให้มีอิทธิพลท้องถิ่น กวาดล้างจับกุมเห็นผลภายใน 6 เดือน
วันนี้ (20 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.45 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันที่ 28 ต.ค.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภาจะมีการประชุมแม่น้ำ 5 สาย จุดประสงค์การประชุมต้องการที่จะนำเสนอข้อมูลซึ่งกันและกันให้การปฏิบัติงานของแม่น้ำ 5 สายสอดคล้องกัน สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการมาโดยตลอดถือเป็นการปฏิรูประยะที่ 1 ซึ่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต้องนำไปวางแผนต่อ โดยการวางแผนต้องนำข้อมูลเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นอกจากนี้ แต่ละส่วนของแม่น้ำแต่ละสายจะมีวิปเพื่อประสานงานกัน และจะมีวิปเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คณะ เป็นวิปร่วม 3 สาย คือ ครม., สนช. และสปท.เพื่อให้การทำงานประสานสอดคล้องกันและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พล.ต.สรรเสริญกล่าวถึงการทำกิจกรรมคืนประโยชน์ให้สังคม หรือซีเอชอาร์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปรารภว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาภาคธุรกิจจะทำซีเอชอาร์มุ่งสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนใหญ่ การคืนประโยชน์ให้สังคมน่าจะมีใจความมากกว่าสิ่งแวดล้อม นายกฯ จึงฝากกระทรวงที่ประสานงานกับภาคเอกชนที่มีโครงการจัดทำซีเอชอาร์ว่าสามารถขยายซีเอชอาร์มากกว่าสิ่งแวดล้อมอย่างเดียว เช่น เรื่องรัฐวิสาหกิจชุมชน โซเชี่ยลบิซิเนสเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมโยงในทุกๆ มิติ ถือเป็นการคืนประโยชน์ให้สังคมอีกทางหนึ่งจะมีขอบเขตงานซีเอชอาร์กว้างขวางมากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ สั่งการให้หน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม คสช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปประสานงานปฏิบัติบูรณาการภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้องเข้มงวดกวดขันป้องกันไม่ให้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ จะมีอิทธิพลในท้องถิ่นไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธสงคราม นายกฯ ให้เวลาภายใน 6 เดือน ต้องเห็นผลเป็นรูปธรรมในการกวาดล้างจับกุมผู้มีอิทธิพล และคดีความต่างๆ ต้องลดลงให้ได้