สตง.ส่งรายงานประเมินกองทุน สสส.ถึงมือ “บิ๊กตู่” แล้ว เผยเป็นการประเมินการจ่ายเงินและทรัพย์สินปี 2557 เผยมีเงินอุดหนุนโครงการสวดมนต์ข้ามปี 33.45 ล้านบาท ค่าจ้างจัดงาน-ประชาสัมพันธ์ 23.19 ล้านบาท ด้านประธาน คตร.รับสอบเสร็จแล้ว ส่งเรื่องให้ “สธ.-ยธ.” ดูความบกพร่องของข้อมูล ประสาน สตง.พบบางโครงการใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รับเห็นข้อมูลเชิงลึก “สวดมนต์ข้ามปี-ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ” ส่วน “ไพบูลย์” ย้ำไม่ยุบหน่วยงาน แต่ต้องปรับปรุง สธ.ตั้งเป้า 3 เดือนเสร็จ
วันนี้ (20 ต.ค.) มีรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้สั่งการให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) รายงานการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ทุกวันนั้น พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธาน คตร. กล่าวถึงความคืบหน้าว่า การตรวจสอบในส่วนของ คตร.จบแล้ว ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม โดยทั้งสองหน่วยงานกำลังนำข้อมูลจาก คตร.ไปดูว่ามีความบกพร่องอะไรบ้าง การตรวจสอบของ คตร.ที่ผ่านมาก็ทำร่วมกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่ามีบางโครงการใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ส่วนผลการตรวจสอบของ สตง.พบว่ามีบางโครงการใช้ไม่ตรงตามวัถตุประสงค์ อาทิ โครงการสวดมนต์ข้ามปี และการตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมากเกินไป คตร.ได้ดูส่วนนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ชาตอุดมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เราก็เห็นหมด
มีรายงานว่า พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เชิญผู้บริหาร สสส.มาชี้แจง แต่ยังไม่ได้เรียกหน่วยงานที่รับงบประมาณจาก สสส.มาพูดคุย โดยให้เหตุผลว่าให้เป็นไปทีละขั้นตอน ส่วนการพิจารณาก็ต้องว่าไปตามระเบียบ บางส่วนที่มีการชี้แจงข้อมูลมาให้ ศอตช.รับทราบ พบว่าการใช้เงินบางส่วนไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตนก็ได้ชี้แจงว่าอะไรที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ก็ต้องแจ้งให้ สสส.รับทราบด้วยว่าต้องดำเนินการแก้ไขอย่างไร เพราะเงินทุกอย่างเป็นเงินของรัฐเป็นเงินของแผ่นดิน ตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องใช้งบประมาณตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ไม่มีสิทธิ์ไปใช้อย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม โครงการที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ก็ต้องถูกตรวจสอบอย่างรอบคอบ แต่จะไปยกเลิก สสส.คงไม่ได้ เพราะตัววัตถุประสงค์ของโครงการถือว่าทำได้ดี แต่ถ้ามีอะไรที่บกพร่องก็ต้องไปแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้การใช้งบประมาณได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กองทุนยังคงเดินหน้าต่อ ต้องดูว่าอะไรที่เหมาะสมก็ทำต่อ อะไรที่ยังเป็นที่สงสัยอยู่ก็ให้ชะลอเอาไว้ แต่ยังไม่ได้กำหนดและตัดสิน ส่วนเรื่องระยะเวลาการตรวจสอบกองทุน สสส.นั้นต้องเสร็จก่อน 3 เดือน ตอนนี้ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว
เมื่อถามว่า ทางศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) นัดชี้แจงในวันที่ 26 ต.ค.นี้ นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ตนก็จะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้งบประมาณที่ควรจะได้ก็ให้ได้ไป อะไรที่ยังไม่ชัดเจนก็ให้ชะลอไว้ ขณะนี้ก็ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าอันไหน
มีรายงานว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ได้ทำหนังสือรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สิน ปี 2557 กองทุน สสส. เพื่อเสนอต่อถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ขณะที่ สสส.ได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักงานฯ พบว่า การบริหารงานที่ผ่านมายังไม่บรรลุผลตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งและเป้าหมายตามแผน มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินงาน และขาดการรายงานและติดตามผลของโครงการที่ได้เงินสนับสนุน
http://www.thaihealth.or.th/contact/getfile_books.php?e_id=428
โดยพบว่า โครงการที่ไม่บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ในการอนุมัติเงินอุดหนุนโครงการ เช่น เงินอุดหนุนโครงการสวดมนต์ข้ามปี วงเงิน 33.45 ล้านบาท จัดเป็นค่าจ้างจัดงานและประชาสัมพันธ์ เป็นเงิน 23.19 ล้านบาท และโครงการสนับสนุนการส่งคนไปปฏิบัติงานในองค์การอนามัยโลก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วงเงิน 3.84 ล้านบาท โดยเป็นการตามภารกิจของกรมสรรพาสามิต โดยทั้งสองโครงการไม่ได้ช่วยสร้างเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและการลดการสูบบุหรี่และการดื่มสุราของประชาชนตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุน สสส.
มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สสส. และผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อกลั่นกรองทางวิชาการ จัดตั้งมูลนิธิหลายแห่งและได้เงินอุดหนุนโครงการจากกองทุน สสส. และบางโครงการที่ได้รับเงินอุดหนุนมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติโครงการ ผู้ประสานงานโครงการ และเจ้าหน้าที่กองทุน สสส.ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานในต่างประเทศกับผู้ได้รับทุนตามโครงการ ทำให้มีข้อร้องเรียนหรือกล่าวหาในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
มีการจ่ายเงินอุดหนุนโครงการเป็นค่าจ้างบุคคล โดยไม่ผ่านกระบวนการสรรหาตามหลักการบริหารงานบุคคล ไม่เป็นไปตามกรอบอัตรากำลังของกองทุน สสส. และบางตำแหน่งไม่เป็นไปตามตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุน สสส.
การจ่ายเงินงวดแรกให้โครงการที่อุดหนุนในอัตราสูง โดยยังไม่มีการดำเนินงาน กล่าวคือมีการจ่ายเงินในอัตราสูง 50-100% ของวงเงินที่อนุมัติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อเงินของรัฐ เนื่องจากมีโครงการดังกล่าวจำนวนมากที่ครบกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จตามข้อตกลง
“ไม่มีการรายงานและติดตามผลการดำเนินงานโครงการที่อุดหนุน โดยมีเพียงการรายงานความก้าวหน้าโครงการและสรุปปัญหาและอุปสรรคโดยผู้ประสานงานโครงการ ทำให้มีโครงการที่ครบกำหนดตามระยะเวลาการดำเนินงานแล้ว ตั้งแต่ปี 2550-2557 แต่ยังไม่สามารถปิดโครงการได้ 1,194 โครงการ”
ในรายงานยังระบุถึงผลการดำเนินงานลดอัตราการสูบบุหรี่และอัตราการดื่มสุราของคนไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ในรายงานระบุว่า ตามแผนหลักระยะ 3 ปี (ปี 2555-2557) เป้าหมายในปี 2557 ต้องลดเหลือ 18.63% (ลดลง 10% จากปี 2552) แต่ผลสำรวจของสำนักงานสถิติ พบว่าปี 2556 และปี 2557 คนไทยมีอัตราการสูบบุหรี่ 19.94 และ 20.7% ตามลำดับ แสดงว่าอัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยไม่ได้ลดลงตามเป้าหมายของ สสส.
ขณะที่อัตราการดื่มสุราของคนไทย ตามแผนหลักระยะ 3 ปี (ปี 2555 -2557) กำหนดเป้าหมายปี 2557 เหลือน้อยกว่า 28.5% แต่ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าปี 2556 และปี 2557 คนไทยมีอัตราการดื่มสุรา 32.2% และ 32.3% ตามลำดับ เทียบกับปี 2550 อยู่ที่ระดับ 30% แสดงว่ามีอัตราเพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลง และไม่ได้ตามเป้าหมายของ สสส.
