ประชุม กรธ. ผู้ตรวจฯ เข้าให้ความเห็น 4 เรื่อง ขอเพิ่มอำนาจสอบท้องถิ่น บอร์ดรัฐวิสาหกิจ จริยธรรมนักการเมือง เพิ่มบทลงโทษเสนอแล้วไม่ทำตาม เปิดช่องศาลคุ้มครอง 30 วันสอบรัฐดำเนินการปกระทบประชาชน ขอเพิ่มงบให้งานมีประสิทธิภาพ ค้านแนวคิดยุบรวม
วันนี้ (16 ต.ค.) การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในวันนี้เป็นการให้ข้อคิดเห็นขององค์กรอิสระในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยนายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะผู้ตรวจการแผ่นดินมาให้ข้อมูล โดยได้เสนอให้คงไว้ซึ่งอำนาจหน้าที่ องค์ประกอบวิธีการสรรหา วาระการดำรงตำแหน่ง ไว้ตามเดิมที่รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่กำหนดไว้ในมาตรา 242 ถึง 245 พร้อมข้อเสนอเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพแก่องค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินไว้ 4 เรื่อง ประกอบด้วย
1. การเพิ่มอำนาจตรวจสอบในระดับท้องถิ่นให้รวมถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตามกฎหมายปกครองท้องที่ รวมถึงให้อำนาจตรวจสอบบอร์ดบริหารรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพราะอำนาจผู้ตรวจการไม่สามารถตรวจสอบบอร์ดบริหารได้ อย่างเช่น กสทช. ที่ต้องมีการตรวจสอบ 2. การเพิ่มบทบังคับหรือลงโทษ กรณีหากผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หากไม่ดำเนินการภายใน 90 วัน โดยไม่มีเหตุผลสมควร ให้ถือว่าเป็นการทำผิดวินัย เช่นเดียวกับการทำขัดมติ ครม. เพราะที่ผ่านมาเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอไปกว่า 300 เรื่อง ไม่ได้รับการตอบรับจากฝ่ายบริหาร
3. ในเรื่องใดที่รัฐกำลังจะดำเนินการ แล้วเป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบ ซึ่งอาจจะกระทบต่อประชาชน ก็ให้มีช่องทางให้ศาลสั่งคุ้มครองเป็นเวลา 30 วัน เพื่อทำการตรวจสอบ และ 4. การเพิ่มอำนาจในการตรวจสอบจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เกิดประสิทธิภาพ เพราะที่ผ่านมานักการเมือง มีเพียงพรรคเดียวคือพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความร่วมมือ ส่วนข้าราชการก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร พร้อมมองว่าการให้ความสำคัญเรื่องจริยธรรม จะทำให้การทุจริตลดน้อยลง เพราะทำให้คนดีเข้าสู่อำนาจมากขึ้น
นอกจากนี้ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยังเสนอให้มีการเพิ่มงบประมาณในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน โดยเสนอวิธีการเช่น การกำหนดสัดส่วนเป็นร้อยละของงบประมาณทั้งหมด ให้แก่องค์กรทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐ รวมถึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานเป็นเอกเทศ ไม่ยุบรวมกับองค์กรอื่นอย่างที่เคยมีแนวทางในอดีต