เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับทราบถูก ม.44 เด้งพ้นเก้าอี้ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ตอบเหตุถูกโยกย้าย ด้านข้าราชการสภาฯ ชี้ดึง “นัฑ” นั่งข้ามห้วยครั้งแรก เผยเคยแห้ว เลขาฯ วุฒิฯ แหล่งข่าวอ้างมีส่งสัญญาณมาสักพักแล้ว หลังทำงานไม่ถูกใจรัฐ ไร้ความคืบหน้า ทั้งรัฐสภาใหม่ และการตรวจสอบ แถมมีเหตุข้าราชการนำดินไปถมที่เอกชนทั้งๆ ที่ ส.ส.บริจาคให้มูลนิธิราชประชาฯ
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 12.35 น. นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ถึงกรณีที่ถูกคำสั่ง มาตรา 44 ให้ย้ายไปช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรีเป็นพิเศษเฉพาะราย ให้นายนัฑ ผาสุข พ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรโดยให้ปฏิบัติหน้าที่ว่า ทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว ตนเป็นข้าราชการไม่มีปัญหา เมื่อมีคำสั่งออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม เมื่อถามว่าคิดว่าสาเหตุที่ถูกโยกย้ายในครั้งนี้มาจากเรื่องใด นายจเรปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนวางสายโทรศัพท์ว่า “แค่นี้นะครับ”
ทั้งนี้ คำสั่งโยกย้ายนายจเรที่เหลืออายุราชการ 2 ปี ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเหตุการณ์เด้งฟ้าผ่าเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาฯ ที่ถูกคำสั่งตามมาตรา 44 ย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนนายนัฑที่ย้ายจากสำนักงานวุฒิสภามาเป็น เลขาธิการธิการสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นการย้ายข้ามห้วยครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาการเลื่อนตำแหน่งผู้บริหารจะใช้ลูกหม้อในองค์กรนั้นๆ ซึ่งนายนัฑก่อนหน้านี้ก็เป็นแคนดิเดตเลขาธิการวุฒิสภาแต่ก็พลาดจากตำแหน่งไป
โดยการย้ายนายจเรไปช่วยราชการเป็นที่ปรึกษาประจําสํานักนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้มีสัญญาณมาก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ มีการพูดกันในวงในของผู้บริหารระดับสูงว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากบทบาทการทำงานของนายจเรไม่ถูกใจและไม่ตอบสนองฝ่ายบริหารในหลายเรื่อง อาทิ ไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบปัญหาการทุจริตภายในสภาผู้แทนราษฎรหลายเรื่องในช่วงการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา รวมถึงความล่าช้าในการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ย่านเกียกกาย มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และรวมไปมีปัญหาในถึงเรื่องมีข้าราชการสภาผู้แทนราษฎรนำดินจากพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ไปถมในพื้นที่ของเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ทั้งๆ ที่สภาผู้แทนราษฎรได้บริจาคดินดังกล่าวให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อนำมาใช้ในการกิจการของมูลนิธิฯ เป็นต้น