“พรรคเพื่อไทย” ออกแถลงการณ์ฉะ รบ.-คสช.ให้ยอมรับท่าที “รัฐสภายุโรป” กังวลการเสื่อมถอยของสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย ย้ำการค้า-การลงทุนต่ออียูมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย จี้ให้คุ้มครองสิทธิมนุษยชน เสรีภาพทางการเมือง การคุ้มครองหลักนิติธรรม จัดให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งที่เสรี-เป็นธรรม
วันนี้ (12 ต.ค.) มีรายงานว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.ต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่มีต่อกรณีที่รัฐสภายุโรปมีข้อมติเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 58 โดยมีเนื้อหาสำคัญระบุว่า รัฐสภายุโรปมีความกังวลอย่างยิ่งต่อความเสื่อมถอยของสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในไทย ภายหลัง “การรัฐประหารที่ผิดกฎหมาย” ในปี 2557, ให้ยกเลิกการจำกัดเสรีภาพและการใช้สิทธิมนุษยชนในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองโดยสันติ, เรียกร้องให้ทางการไทยเริ่มถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลทหารไปให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว, เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ, สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมโดยสงบ รวมถึงการปฏิบัติตามหลักนิติธรรมทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยขอแถลงในประเด็นที่เกิดขึ้น ดังต่อไปนี้
1. พรรคเพื่อไทยขอให้รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตระหนักและให้ความสำคัญต่อปัญหาที่รัฐสภายุโรปได้หยิบยกในข้อมติดังกล่าว และควรแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง มากกว่าที่จะใช้วิธีออกแถลงการณ์ว่าทางรัฐสภายุโรปมีความเข้าใจไม่ถูกต้องในสถานการณ์ในประเทศไทย เพราะประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปรวมทั้งสหภาพยุโรป ได้ติดตามปัญหาต่างๆ ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่มีการรัฐประหารในปี 2557 ดังนั้น รัฐบาลควรตระหนักว่าข้อมติดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ จึงควรใช้วิธีการแก้ไข มากกว่าการแก้ตัว
2. การค้าและการลงทุนจากประเทศในสหภาพยุโรปมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย และความกินดีอยู่ดีของคนไทย เนื่องจากสหภาพยุโรปเป็นคู่ค้าใหญ่เป็นลำดับ 3 ของไทย การที่สหภาพยุโรปชะลอการเจรจาสัญญาการค้าเสรี และปฏิเสธที่จะลงนามสัญญาหุ้นส่วนและความร่วมมือกับไทย ตราบเท่าที่รัฐบาลทหารยังอยู่ในอำนาจ จะส่งผลเสียต่อการค้าการลงทุนของสหภาพยุโรปในไทย ซึ่งผู้ส่งออกและผู้ประกอบการชาวไทย ย่อมจะเสียโอกาสในการส่งสินค้าไปยังสหภาพยุโรป เกษตรกรและผู้ผลิตจะขายสินค้าได้น้อยลง และได้ราคาต่ำลง ดังนั้น ถ้าความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปเสื่อมทรามลง ก็จะกระทบตลาดการส่งออกในสหภาพยุโรป ซึ่งมีมูลค่าปีละประมาณ 750,000 ล้านบาท
3. พรรคเพื่อไทยหวังว่ารัฐบาล และ คสช.จะตระหนักในข้อมติของรัฐสภายุโรปดังกล่าว และจะดำเนินการที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจังในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เสรีภาพทางการเมือง การคุ้มครองหลักนิติธรรมในกระบวนการยุติธรรม การดำเนินการจัดให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมโดยเร็ว เพื่อให้คนไทยตัดสินอนาคตของตนเองต่อไปโดยเร็ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนอกจากจะเป็นรากฐานของการปรองดอง ยังจะเป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยงไม่ให้ประเทศไทยต้องสุ่มเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตรในทางเศรษฐกิจ หรือการเมือง ซึ่งจะมีผลเสียต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง