อดีตประธาน กมธ.ยกร่างฯ ยืนยันไม่รับเป็นที่ปรึกษา กรธ.เพราะพูดไว้กับสื่อแล้ว แต่พร้อมให้คำปรึกษาเป็นการส่วนตัวกับ “มีชัย” ระบุการยกร่างรัฐธรรมนูญยุคนี้ยากลำบากกว่าที่ผ่านมา แต่เชื่อประสบการณ์ของประธาน กรธ.จะทำใให้รัฐธรรมนูญจะออกมาดี เผยที่ผ่านมายกร่างฯ ตามความเห็นประชาชนทั้งเรื่องการเลือกตั้งที่ให้ระบุ “เป็นหน้าที่” หรือแม้แต่ประเด็นนายกฯ คนนอก และ คปป. พ้อสื่อไม่สนใจผลสำรวจความเห็นประชาชนในประเด็นเหล่านี้ แต่ไปให้ความสำคัญต่อคำสัมภาษณ์ของนักการเมืองหน้าเดิมที่อยู่ในปัญหาและมีผลประโยชน์ทางการเมือง
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะทาบทามให้เป็นที่ปรึกษา กรธ.ว่า ตนขอขอบคุณนายมีชัยที่มีเมตตาให้เกียรติเชิญตนร่วมเป็นที่ปรึกษา ความจริงนายมีชัยได้พูดคุยกับตนแล้วและก็ได้เรียนไปว่าตนให้สัมภาษณ์สื่อไปว่าขอไม่เข้าร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งนายมีชัยบอกว่าไม่เป็นไร และจะพูดคุยกับสื่อให้เข้าใจ
“ผมยินดีที่จะช่วยท่านมีชัยทำงานทุกประการ แต่เมื่อพูดกับสื่อไว้แบบนี้ก็ต้องขออภัยท่านมีชัยด้วย แต่ถ้าท่านมีชัยอยากให้ช่วยก็ยินดีช่วยเป็นการส่วนตัวโดยไม่มีตำแหน่ง เพราะท่านมีชัยเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ และเป็นประธานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ประชุมร่วมกันหลายครั้ง เพราะฉะนั้นจะขอรับความเมตตานี้ไว้ และขออภัยด้วย แต่จะเอาใจช่วยและช่วยท่านอยู่ข้างนอกโดยไม่มีตำแหน่งอะไร”
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากคำประกาศผ่านสื่อว่าจะไม่เข้ามาร่วมร่างรัฐธรรมนูญแล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ที่ไม่รับตำแหน่ง นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี และดีใจที่นายมีชัยเสียสละเข้ามา เพราะการร่างรัฐธรรมนูญในยุคนี้ไม่เหมือนกับปี 2540 และปี 2550 จะมีความยากลำบากอยู่หลายอย่าง การที่นายมีชัยพูดว่ายอมรับเป็นประธาน กรธ.ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะรับตั้งแต่แรกก็เป็นความเสียสละ อย่างที่นายมีชัยพูดก็คือ ทำเพื่อทดแผ่นดิน เป็นเรื่องดี เพราะนายมีชัยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ยาวนาน ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ ประสบการณ์ของนายมีชัย มีมากกว่าตน จึงเชื่อว่ารัฐธรรมนูญน่าจะออกมาด้วยดี ทั้งนี้ ตนไม่ขอก้าวล่วงไม่ถึง กรธ. แต่เชื่อในตัวนายมีชัย และ กรธ.หลายคนที่รู้จักเป็นส่วนตัว
ต่อคำถามที่ว่าห่วงนายมีชัยหรือไม่ เพราะการร่างรัฐธรรมนูญจะทำให้ถูกใจทุกคนเป็นเรื่องยากนั้น นายบวรศักดิ์กล่าวว่า นายมีชัยรู้ข้อจำกัดนี้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องเวลา สถานการณ์และการถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เมื่อนายมีชัยเสียสละเข้ามาทำก็ถือเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง
“ความสามารถอย่างท่านมีชัยไม่จำเป็นต้องมีกรรมการคนอื่นก็ยังได้เลย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในสภาพสังคมที่ต้องระดมความคิดเห็นกัน แต่ในสถานะส่วนตัวหากเป็นประโยชน์อะไรได้กับการร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นประโยชน์กับงานบ้านเมืองในเรื่องอื่นได้โดยไม่มีตำแหน่ง ก็ไม่มีปัญหา”
เมื่อถามย้ำว่า หากถูกนายมีชัยกล่อมจะทบทวนหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ตนกับนายมีชัยพบกันและรับประทานอาหารกันอยู่เรื่อยๆ เย็นนี้ (8 ต.ค.) ก็นัดรับประทานข้าวกัน และหากโดนกล่อมอีกตนก็จะไปกราบตักนายมีชัยขอบพระคุณและยินดีที่จะช่วยอย่างไม่เป็นทางการ
ส่วนการที่ไม่มีอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอยู่ใน กรธ. เป็นห่วงหรือไม่ว่าร่างฯ เดิมจะไม่ได้รับการพิจารณานั้น นายบวรศักดิ์กล่าวว่า จบไปแล้ว อดีตก็คืออะไร อย่าไปเที่ยวยึดติดกับอะไร ขอให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะเมื่อร่างเดิมไม่ผ่านก็จบ เมื่อจบก็คือจบ สิ่งที่ตนทำมานั้นดีที่สุด ทำสุดความสามารถและมีเหตุผลอธิบายได้ทุกเรื่อง แต่ กรธ.ก็มีสิทธิที่จะนำไปพิจารณาอีกครั้งซึ่งเรื่องนี้เป็นอำนาจนายมีชัย ตนจะไม่เสนอความเห็นเข้ามาใน กรธ. เพราะความเห็นของตัวหนังสือชัดเจนไม่ต้องพูดด้วยวาจา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเนื้อหาอะไรที่ยังไม่ได้ใส่ไปในร่างในร่างฯ สุดท้ายที่ถูกคว่ำอีกหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ตนบอกนายมีชัยแล้วว่ารัฐธรรมนูญที่ตนร่างก็ไม่ใช่รัฐธรรมนูญในฝันของตน เพราะต้องฟังเสียงกรรมาธิการอีก 35 คน ฟังเสียงคนนอก ฟัง ครม., คสช. ดังนั้นจึงต้องร่างภายใต้การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และเราก็ไปรับฟังความเห็นของประชาชนมาทั่วประเทศ ทั้งเสียงของ สปช.ด้วยซึ่งมีหลายส่วน ถ้าตนเขียนได้เองก็จะไม่เขียนแบบนั้น แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นจบไปแล้วจึงไม่ควรรื้อฟื้น และการร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ไม่ได้ให้สำรวจความเห็นโดยผ่านการสำนักงานสำรวจความเห็นคิดปกติ แต่ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าจัดทำ โดยให้ไปถามความเห็นประชาชนทั่วประเทศ ซึ่ง กรธ.สามารถขอดูได้จากนางถวิลวดี บุรีกุล สมาชิก สปท. อดีต กมธ.ยกร่างฯ และความเห็นของประชาชนกว่า 85 เปอร์เซ็นต์อยู่ในร่างรัฐธรรมนูญ และชัดเจนที่ กมธ.ยกร่างฯ เห็นอย่างหนึ่ง ประชาชนเห็นอย่างหนึ่ง และกมธ.ยกร่างฯ เปลี่ยนไปตามประชาชน นั่นคือเรื่องการไปเลือกตั้ง เพราะ กมธ.ยกร่างฯ อยากเห็นสิทธิ แต่ประชาชนอยากให้เป็นหน้าที่ ซึ่งที่สุด กมธ.ยกร่างฯ ก็เปลี่ยนตามที่ประชาชนต้องการ แต่เรื่องเหล่านี้ผ่านไปแล้วก็ควรให้ผ่านไป
“ประเด็นนายกฯ คนนอก หรือ คปป. ประชาชนก็ให้ความเห็นไว้และมีการเผยแพร่แล้ว เพียงแต่สื่อไม่สนใจ สื่อสนใจแต่คำสัมภาษณ์ของนักการเมืองหน้าเดิมๆ คือคนที่อยู่ในปัญหาทั้งนั้นซึ่งมีผลประโยชน์ทางการเมืองเกี่ยวข้อง สื่อไม่สนใจงานวิชาการ ไม่สนใจเสียงของคนที่ไม่มีเสียง ก็เป็นเรื่องธรรมดา”