คำสั่งหัวหน้า คสช.ให้อำนาจ 21 กรธ.ตั้งที่ปรึกษาได้ไม่เกิน 9 คน เบี้ยประชุมครั้งละ 4 พัน ส่วน 200 อปท.ให้มี “ผู้ช่วย” ตำแหน่งละ 3 คน ค่าตอบแทนตามที่ประธานรัฐสภาออกระเบียบ ส่วน 21 กรธ.ให้มีผู้ชํานาญการประจําตัวประธานได้ 2 คน กรรมการได้ 1 คน เงินเดือน 2 หมื่นบาท แถมให้มี “ผู้ช่วย” ประธานและ กรธ.ได้ 1 คน เงินเดือน 1.5 หมื่นบาท ส่วนเบี้ยประชุมกก.- อนุฯ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งหลักเกณฑ์เดียวกับ สนช. เผยยังให้มี “ผู้ช่วยเลขานุการใน กรธ.” ได้ไม่เกิน 5 คน แต่งตั้งจากข้าราชการรัฐสภาสามัญอย่างน้อย 1 คน ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งๆ ละ 1 พันบาทแถมได้รับเบี้ยเลี้ยงไปต่างประเทศ-ตจว.ตามเกณฑ์
วันนี้ (6 ต.ค.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 34/2558 เรื่องการอํานวยความสะดวกในการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญ ดังนี้
“ตามที่มีประกาศคณะรักษาความความสงบแห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ นั้น เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะกรรมการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สามารถมีที่ปรึกษา ผู้ช่วยปฏิบัติงาน คณะอนุกรรมการและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ได้ตามความจําเป็นซึ่งยังไม่เคยมีกฎเกณฑ์ในเรื่องนี้มาก่อน จึงสมควรวางมาตรการเพื่ออํานวยความสะดวกในการจัดทําร่างรัฐธรรมนูญและการเตรียมการอื่น ๆ เช่น การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การเตรียมการเกี่ยวกับการลงประชามติ การจัดทํากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อันจะทําให้กระบวนการทั้งหลายดําเนินไปได้ตามเวลาที่กําหนดหรือเร็วขึ้นสมประโยชน์และสอดคล้องกับการปฏิรูปการเมืองการปกครองตามแผนและขั้นตอน (Roadmap) ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้แถลงไว้อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
๑. ให้ยกเลิกความในวรรคสองของมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดํารงตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญบางตําแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีที่ปรึกษาจํานวนไม่เกินเก้าคน ตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแต่งตั้งโดยคํานึงถึงผู้เคยเป็นกรรมาธิการในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๐ พ.ศ. ๒๕๕๐ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุด พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๕๘ ด้วย
ให้ที่ปรึกษาตามวรรคหนึ่งซึ่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเชิญให้เข้าประชุมได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ๆ ละสี่พันบาท วันใดที่มีการประชุมหลายครั้งให้ได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียว
๓. ให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศแต่ละคนมีผู้ช่วยในการปฏิบัติงานในตําแหน่งและอัตราค่าตอบแทนตามที่ประธานรัฐสภาออกระเบียบ โดยเทียบเคียงกับกรณีของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติแต่จํานวนต้องไม่เกินคนละสามอัตรา
๔. ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีผู้ช่วยในการปฏิบัติงานดังนี้
(๑) ผู้ชํานาญการประจําตัวประธานกรรมการ จํานวน ๒ อัตรา และผู้ชํานาญการประจําตัวกรรมการคนละ จํานวน ๑ อัตรา ทั้งนี้ ให้ผู้ชํานาญการแต่ละคนได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท
(๒) ผู้ช่วยดําเนินงานของประธานกรรมการและกรรมการคนละ จํานวน ๑ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอาจตั้งคณะอนุกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฝ่ายต่าง ๆเพื่อปฏิบัติงานภายในอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ อนุกรรมการดังกล่าวได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งที่มาประชุมตามอัตราและหลักเกณฑ์เดียวกับกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ให้มีผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญไม่เกินห้าคนซึ่งแต่งตั้งจากข้าราชการรัฐสภาสามัญอย่างน้อยหนึ่งคน ผู้ช่วยเลขานุการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ๆ ละหนึ่งพันบาท
ให้ประธานกรรมการ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญและอนุกรรมการซึ่งต้องเดินทางไปราชการภายในราชอาณาจักร นอกจังหวัดอันเป็นที่ตั้งอาคารรัฐสภาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามมติของคณะกรรมการได้รับค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายและมสีิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาล เช่นเดียวกับกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดํารงตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญบางตําแหน่ง พ.ศ. ๒๕๕๗
๕. ให้สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดงบประมาณ สถานที่ เจ้าหน้าที่ และสิ่งอํานวยความสะดวกแก่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและคณะอนุกรรมการตามที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแจ้งให้ทราบเพื่อประโยชน์แก่การจัดทําร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและการจัดทําร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ในกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเห็นสมควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดค่าใช้จ่าย สิ่งอํานวยความสะดวกในการเดินทางและการปฏิบัติงานและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ด้วย
๖. การเบิกเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย ค่าพาหนะ ค่ารักษาพยาบาลของประธานกรรมการกรรมการและอนุกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้เบิกจ่ายจากสํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
๗. เพื่อประโยชน์ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การจัดให้มีการลงประชามติและการจัดทําร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นที่จําเป็น นายกรัฐมนตรีอาจแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทํางานอื่นเพื่อศึกษาหรือเตรียมการควบคู่กันไป โดยประสานกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องให้มีความสอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญ และคํานึงถึงกําหนดเวลา แผนและขั้นตอนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการนี้จะกําหนดอัตราเบี้ยประชุมหรือค่าตอบแทนแก่ผู้ได้รับแต่งตั้งด้วยก็ได้
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นต้นไป
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ”