นายกรัฐมนตรีเชิญ “มีชัย” มาถามพร้อมนั่งประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมให้ดูรายชื่อสมาชิก ชี้ถ้าไม่เอาก็ต้องหาคนใหม่ แนะอย่าสนว่าใคร ต้องสนว่าจะได้อะไร เผยแนวทางนำ รธน.ทุกชาติมาดูและเปรียบเทียบ เน้นให้ประเทศปลอดภัย ถามทำไมห่วงเรื่องเผด็จการนักหนา โอ่ชื่อ สปท.มีทุกพรรค ระบุเรื่องปรองดองรอศาลตัดสินก่อน ขู่ม็อบไม่ขออนุญาตบันทึกภาพไว้แล้ว ลั่นไม่ยอมพวกก่อความรุนแรง สวนพวกยุเผาไม่ติดคุกสักคน ถามพวกจ้อให้ปฏิรูป-ปรองดอง และจัดการพวกใช้อาวุธยังไงถ้าไม่มีอำนาจ
วันนี้ (2 ต.ค.) ที่ตลาดเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายชื่อประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ขณะนี้กำลังทำอยู่และบ่ายวันเดียวกันนี้ได้เชิญนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าพบ ถือเป็นขั้นต้นที่จะพูดคุยกันแต่ยังไม่ถือว่าเป็นการตกลง ในส่วนของคนอื่นตนก็มีรายชื่อมาหมดแล้ว
“ส่วนที่เชิญนายมีชัยมาหารือกันวันนี้ก็เพื่อถามว่าท่านพร้อมจะรับตำแหน่งหรือไม่ และนายมีชัย เองก็ต้องดูด้วยว่ารายชื่ออื่นๆ ที่จะเข้ามาร่วมเป็น กรธ.นั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะเป็นคนที่ต้องทำงานร่วมกับท่าน บ่ายวันนี้อาจารย์มีชัยก็จะมาพบกับผม และไม่ว่าอย่างไรรายชื่อของ กรธ. และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะได้ก่อนวันที่ 5 ตุลาคม วันนี้อย่าไปสนใจว่าใคร ต้องสนใจว่าจะได้อะไรกลับมาจากการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ในการร่างรัฐธรรมนูญจะบอกว่าต้องมาจากคนทั้งประเทศมันก็ใช่ วันนี้เขาก็มีส่วนร่วมกันอยู่แล้วในแต่ละขั้นตอนต่างๆ ในการไปรับฟังความคิดเห็นในจังหวัดต่างๆ ไม่มีใครเอาคน 70 ล้านคนมาร่างรัฐธรรมนูญ อย่าไปฟังคนที่พูดบิดเบือนว่าทุกคนต้องร่วมมือกัน มันไม่จำเป็นเพราะ กรธ.เองก็มีผลตามกฎหมายอยู่แล้วก็จะนำแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญของทุกประเทศมาดู รวมถึงเอาของประเทศไทยมาดูด้วยและเปรียบเทียบและดูว่าสำหรับประเทศไทยแล้วในวันข้างหน้าระยะเวลาหนึ่งจะต้องทำอย่างไรให้ประเทศมันปลอดภัย ระหว่างนี้ก็จะพิจารณาไปทีละหมวด สร้างความเข้าใจเปิดเวทีในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งทุกครั้งก็ทำแบบนี้แล้วจะมากล่าวหาว่าประชาชนไม่มีส่วนร่วมได้อย่างไร ก็มีอยู่ 2-3 เรื่อง ทั้งเรื่อง คปอ. เรื่องที่มานายกฯ วุฒิสภา ถามว่าวันนี้บ้านเมืองมันปลอดภัยแล้วหรือยัง ถ้าปลอดภัยแล้วก็ว่ากันมา แต่ถ้าคิดว่าวันข้างหน้ายังไม่ปลอดภัยก็ต้องไปหาวิธีการมา ผมให้หลักการไปแค่นี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า บ่ายวันนี้จะรู้ว่านายมีชัยจะรับหรือไม่รับตำแหน่งใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องรอฟังว่านายมีชัยจะรับหรือเปล่า ถ้าไม่รับก็ต้องหาคนใหม่ สื่อมีใครหรือไม่ ขอให้เสนอเข้ามา ต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ และคณะทำงานก็ต้องมาจากหลายภาคส่วน ทั้งจากฝ่ายกฎหมาย, สปช., สศช. และที่ปรึกษาต่างๆ เมื่อเสนอชื่อขึ้นมาตนก็จะพิจารณาดู ทั้งหมดก็คือ 20 บวก 1 ประธาน เมื่อถามว่าหากนายมีชัยไม่รับจะมีการทาบทามนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดว่ารับหรือไม่รับเลย บ่ายวันนี้ก็รู้
เมื่อถามว่า ในส่วนประธาน สปท.ได้รายชื่อแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของประธาน สปท.นั้นเมื่อมีการแต่งตั้งเข้ามาแล้วเขาก็จะเลือกในส่วนตัวประธานกันเอง
ซึ่ง สปท.มีหน้าที่ในการปฏิรูปเป็นคนละเรื่องกับการร่างรัฐธรรมนูญ และต้องจำว่าการขับเคลื่อนในครั้งนี้เป็นการทำต่อจากครั้งที่แล้ว ต้องเอาข้อมูลเก่าทั้งหมดคือ 36 ประเด็น 7 วาระพัฒนามาเรียบเรียงใหม่ดูว่าสิ่งไหนเหมาะที่จะทำ สิ่งไหนที่ยังไม่เหมาะ หรือสิ่งไหนที่จะต้องเพิ่มเติม และทั้งหมดก็จะแบ่งเป็นระยะ 1-2-3 โดยระยะที่ 1 ตนจะเป็นคนเอามาทำ ระยะ 2 รัฐบาลหน้าเป็นผู้ทำ ถ้าไม่เสร็จคือระยะที่ 3 ต้องไปทำต่อ ปัญหาวันนี้อยู่ที่ว่าใครจะเป็นคนทำ หากรัฐบาลหน้าเขาไม่ทำ จะทำอย่างไร เรื่องการปฏิรูปทั้งหมดมีเป็นร้อยเรื่องก็ต้องถามว่าทุกคนอยากปฏิรูปกันหรือไม่ หรือจะปล่อยไว้แบบเดิม
“ทำไมเป็นห่วงเรื่องเผด็จการกับผมนักหนา ทำไมไม่ไปห่วงเรื่องของรัฐสภา และอีกหลายอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของ สปท.มีจากหลายภาคส่วน มีการส่งชื่อเข้ามาแล้ว มีจากทุกพรรคการเมือง เขาเข้ามาเพื่อการปฏิรูปซึ่งรัฐบาลมองว่าวันข้างหน้าที่จะทำให้ประเทศสงบนั้นมีอะไรบ้าง ต้องเอาปัญหาเดิมมาดูซึ่งก็มี 1. เรื่องการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะใช้เวลา เท่าไหร่ 5-10 ปี หรือไม่ตนไม่รู้ เพราะตนไม่ได้อยู่นานขนาดนั้นอยู่แล้ว 2. เรื่องการปรองดองซึ่งทุกคนอยากให้มีการปรองดอง แต่วันนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม คดีต่างๆ ยังไม่ได้มีการตัดสินเลย ถ้าตัดสินแล้วจึงจะมาพูดได้ว่าเราจะปรองดองกันอย่างไร แล้วถึงจะไปพูดถึงเรื่องการออกกฎหมายต่างๆ และ 3. ทำอย่างไรจะไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีก ต้องไม่มีการเดินขบวนจนเต็มถนน วันนี้กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชนประกาศใช้แล้ว ใครที่มาชุมนุมโดยไม่ขออนุญาตถือว่ามีความผิดแล้ว วันนี้มีการบันทึกไว้แล้วทั้งหมด อยู่ที่จะดำเนินการเมื่อไหร่เท่านั้น วันข้างหน้าก็จะถูกเรียกมาเหมือนหลายๆ คดี เช่น การปิดสนามบินที่ผ่านมา ก็ขอให้ระมัดระวังด้วย โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาต่างๆ ตนไม่อยากให้มีคดีติดตัวเพราะมันจะกระทบทั้งชีวิต
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกวันนี้ทุกประเทศอยากมาเที่ยวประเทศไทย แต่ทำไมคนไทยถึงเอาความเป็นไทยมาก่อให้เกิดความขัดแย้ง การเมืองคือการเมือง เมื่อเลือกตั้งเข้ามาท่านก็เข้ามาเป็นรัฐบาล ถ้าทำดีก็ไม่มีเรื่อง สำหรับประชาชนเองถ้าอยากได้อะไรก็ให้ขอมาตามปกติ ตามกฎหมาย ในระบอบประชาธิปไตย แต่จะมาก่อให้เกิดความรุนแรงไม่ได้ แต่วันนี้มีคนพยายามจะใช้ความรุนแรงแต่ตนไม่ยอม เพราะที่ไปชวนกันมาแล้วยังต้องติดคุกตลอดชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ มีพวกไหนแล้วยังต้องปรองดองกันอีกหรือไม่ ติดคุกอย่างนี้น่าสงสารหรือไม่ มีใครไปดูแลบ้างไปชวนเขาเข้ามาจนต้องถูกติดคุกตลอดชีวิตในคดีเผาศาลากลาง ไม่มีใครไปดูแล ส่วนพวกที่ไปปลุกระดมเขาเข้ามาไม่เห็นมีใครติดคุกสักคน เพราะฉะนั้นอย่ามาพูดส่งเดช
เมื่อถามว่าจะมีวิธีการปรองดองอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมก็พูดอยู่นี่ไง การปรองดองต้องไปอยู่ข้างหน้า จะต้องมีรัฐบาลเลือกตั้งเข้ามา แล้วก็มีคณะทำงานเรื่องปรองดอง เขาถึงได้มีแนวคิดเรื่อง คปป.ขึ้นมา ที่ทำหน้าที่ 3 เรื่อง คือ การปฏิรูป ลดความขัดแย้งใหม่ โดยมีกระบวนการในการแก้ปัญหาไม่ใช่พอมีปัญหาแล้วต้องมีการปฏิวัติขึ้นมาอีก สุดท้ายคือเรื่องการปรองดอง ซึ่งกฎหมายยังไม่ได้ตัดสินอะไรออกมา วันนี้ยังตัดสินไม่ครบ ในทุกๆ คดี ถ้าตัดสินได้ครบเมื่อไหร่ก็ค่อยมาพิจารณาและพูดถึงการลดโทษหรือนิรโทษกรรม แต่ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วจะให้มายกโทษ เพราะมีคนได้รับบาดเจ็บเสียหาย”
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ติดคุกหรือไม่ เพราะหัวใจหลักของการปรองดองคือการนิรโทษกรรม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ต้องเป็นเรื่องกฎหมายก่อน ต้องถามว่าทำผิดกฎหมายหรือเปล่า คดีอีกเกือบ 2 หมื่นคดีตั้งแต่ปี 2553 จะต้องยกโทษให้ทั้งหมดหรือเปล่า มันเป็นคนละเรื่อง ต้องแยกเรื่องออกมา หากเป็นคดีอาญาก็ต้องเป็นอาญา ส่วนจะปรองดองหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของกระบวนการ ถามว่าใครจะเป็นคนทำ รัฐบาลใหม่จะทำหรือไม่ อยากให้ไปถามคนที่กำลังพูดอยู่ขณะนี้ว่าอยากจะให้ปรองดองอย่างไร แล้วฝากถามด้วยว่าจะปฏิรูปประเทศกันอย่างไร และหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนครั้งที่ผ่านมา มีการใช้อาวุธสงคราม มีการใช้ระเบิด มีการประท้วงทั้งกรุงเทพฯ จะแก้ปัญหากันอย่างไรถ้าไม่มีอำนาจเต็ม ถ้าตอบได้แล้วถึงค่อยมาถามและบอกผมว่าไม่ควรมี คปป. วันนี้อย่าเพิ่งมาถามผม”