“อภิสิทธิ์” มองภารกิจคดีบึ้มต้องปรับปรุงขยายผลจับกุม แจงให้ชัดเพื่อความมั่นใจ อย่าทำสับสน ชี้บทบาทนายกฯ ประชุม UN ย้ำทำตามโรดแมป รับไม่เป็นธรรม ตปท.ยกปมคว่ำร่างฯ หาว่า คสช.ไม่ชัดเจนให้กลับสภาวะปกติ เชื่อตั้ง กรธ.-สปท.ไร้ปัญหา ไม่ต้องกังวลแสดงความเห็นเหตุไม่มีอำนาจใดๆ ขอตีโจทย์ให้ถูก
วันนี้ (1 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. แถลงเหตุระเบิดราชประสงค์ และท่าเรือสาทร โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน แต่ยังมีผู้หลบหนีอยู่ 15 คน และเชื่อว่ามีประเด็นเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง ภารกิจสำคัญ 2 ด้าน คือ สำหรับกรณีบุคคลที่ขณะนี้มีหลักฐาน หรือมีพยานว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับในกระบวนการทั้งหมด จึงจะต้องมีการปรับปรุง ขยายผลซึ่งสำคัญที่สุดอยู่แล้ว เพราะว่าถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะดำเนินการจับกุมอะไรได้ก็จะหยุดอยู่แค่นี้ ส่วนภารกิจที่ 2 การแจกแจงให้เกิดความมั่นใจ เนื่องจากที่ผ่านมาจะมีข่าวมาเป็นระยะ คนที่เคยฟังข่าวเหล่านั้นบางทีตอนนี้ก็จะเริ่มสับสนว่าตกลงใครเกี่ยวข้อง ใครทำอะไร เกรงว่าจะมีคนไปพูดทำนองว่าจับถูกตัวหรือไม่ เป็นแพะหรือไม่ หรือเบี่ยงเบนประเด็นหรือไม่ ดังนั้นต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่ามีผู้เกี่ยวข้องอย่างไร ทำไมถึงมีคนอื่นเกี่ยวข้อง และทำไมถึงบอกว่าเมื่อมีคนไทยแล้ว ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไหนอย่างไร ต้องเอาข้อเท็จจริงแจกแจงออกมาให้สม่ำเสมอ ชัดเจน เพื่อที่จะได้เป็นที่เข้าใจและเป็นที่ยอมรับ
“ผมคิดว่าพอมันมีตัวละครเพิ่มเข้ามา ซึ่งมีประวัติการกระทำความผิดที่พัวพันกับเรื่องการเมือง ก็มีเหตุผลที่บอกว่าไม่ตัดประเด็นการเมือง แต่ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่าคนคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร และต่อไปคือจะสามารถจับกุม ขยายผลได้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องจริง หากเกี่ยวข้องจะมีมูลเหตุจูงใจอย่างไร ซึ่งดีที่สุดต้องรอดูพยาน หลักฐาน ข้อเท็จจริง ของคนทำงานดีกว่า” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงเรื่องบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บนเวทีที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และนายกฯ ได้ยืนยันความตั้งใจที่จะเดินตามโรดแมป และยืนยันที่จะมีส่วนร่วมในการเมือง หรือประเด็นของเวทีของประชาคมโลกของระหว่างประเทศ ส่วนที่มีคนไทยไปให้กำลังใจหรือไปคัดค้านอะไรนั้น เห็นว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนที่นายกฯประกาศโรดแมปบนเวทีจะเป็นการผูกมัดหรือไม่นั้น ตนเห็นว่านายกฯ พูดตามเนื้อหาสาระของกติกาที่ได้วางเอาไว้ แต่ต้องบอกว่าไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไหร่ ที่ในต่างประเทศมีการไปเขียน หรือไปพูดกันทำนองว่าทาง คสช.ไม่มีความชัดเจนหรือไม่มีความตั้งใจในการที่จะคืนกลับสู่สภาวะปกติ โดยยกเอากรณีที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ที่จริงตนบอกแล้วว่าหลายคนต้องการให้คว่ำร่างฯ เพราะเห็นว่าเป็นกติกาที่น่าจะมีปัญหา จึงไม่คิดว่าขณะนี้ไม่มีใครจงใจอยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก
ส่วนที่นายกฯ ประกาศถึงโรดแมป 6-4 - 6-4 นั้น ตนคิดว่าเป็นการเพิ่มชัดเจนระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นการไปประกาศตรงนี้ก็อาจจะช่วยทำความเข้าใจให้ชัดเจนขึ้นว่า เพราะการที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามองไม่เห็นว่าประเทศไทยจะกลับเข้าสู่การเลือกตั้งได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น และคำประกาศนี้ไม่ใช่ชาวโลกที่รับรู้ แต่ชาวไทยก็รับรู้ จึงต้องถือว่าเป็นความตั้งใจของ คสช. ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไรจริงๆ ก็ควรจะเดินตามนี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่นายกฯต้องตัดสินใจหลังกลับจากยูเอ็นว่า ทั้งหมดเป็นอำนาจและดุลพินิจของนายกฯ อยู่แล้ว คงต้องรอดูอย่างเดียว ตนเชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เพราะมีคนบอก มีคนอยากเป็นเยอะอีกทั้งนายกฯ ก็บอกว่าไม่เอาพวกวิ่งเต้น จึงสะท้อนการมีส่วนร่วมจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี ในแง่ของสภาขับเคลื่อนฯ เพราะตนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่นายกฯต้องกังวลอะไร เนื่องจากเป็นเวทีการแสดงความคิดเห็น ไม่ใช่เวทีที่สามารถตัดสินชี้ขาด หรือมีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นถ้ากระจายให้มากที่สุดมันก็จะช่วยให้การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการปฏิรูปนั้นกว้างขวางที่สุด ส่วน กรธ.นั้นต้องบอกว่าคนที่จะทำหน้าที่นี้ได้ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญทั้งด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ ประสบการณ์การบริหาร ตนเคยย้ำว่า ไม่คิด กรธ.ทั้ง 21 คน หรือแม้แต่ประธาน กรธ.จะมาชี้ขาดทุกอย่างได้ เพราะเรื่องบุคคลนั้นเป็นเรื่องรอง คนเก่งแต่ถ้าหากว่าไม่เข้าใจในที่สุดก็จะทำงานไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นเงื่อนไขของการกำหนดวิธีการทำงานคือการตีโจทย์ให้ถูก