อดีต ส.ส. ปชป. แนะ “ดาว์พงษ์” ลงพื้นที่น่าน ตรวจนม ร.ร. บูด รับยุค คสช. ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทำตามสุนทรพจน์ปราบโกงนายกฯ สะกิด รมว.เกษตรฯ จัดการมิลค์บอร์ดที่ดูแล ข้องใจเป็นนมจีนผสมน้ำหรือไม่ แนะ ทบทวนสิทธิ อสค. มูลค่ากว่า 8 หมื่น ล. ควรให้ท้องถิ่นซื้อนมโดยตรงแก้ผูกขาด
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีนมโรงเรียนบูดในหลายจังหวัดขณะนี้ ว่า โครงการนมโรงเรียนเกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี โครงการนี้มีมาทุกรัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 23 ปี โครงการนมโรงเรียนบูด ที่โรงเรียนบ้านน้ำลี จังหวัดน่าน จึงขอให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เดินทางไปตรวจราชการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า นมโรงเรียนบูดที่จังหวัดน่านเป็นอย่างไร เพราะไม่น่าเชื่อว่าในสมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บริหารงานจะมีปัญหาเรื่องการทุจริตนมโรงเรียน อีกทั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวสุนทรพจน์ยืนยันว่าจะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างเร่งด่วน ดังนั้น ขออย่าให้เป็นเพียงวาทกรรม โดยสิ่งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะดำเนินการเมื่อกลับถึงประเทศไทย คือ 1. ต้องจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชันเรื่องนมโรงเรียน 2. ขอให้เดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อ เพื่อเด็กและเยาวชนจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง
นายวัชระ กล่าวต่อว่า 3. ปัญหาที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าเกิดจากมิลค์บอร์ด ซึ่งมิลค์บอร์ดเป็นหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้รับผิดชอบดูแล จึงอย่าให้แก้ปัญหาเรื่องการทุจริตนมโรงเรียน อย่าให้ใครมาแอบกินเด็ก ต้องตรวจสอบด้วยว่ามีการเรียกเก็บหัวคิวหรือไม่ หรือมีบริษัทที่ผูกขาดในมิลค์บอร์ดหรือไม่
“ผมขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตรวจสอบกระบวนการทั้งหมดว่ามีการทุจริตหรือไม่ นมที่นำไปแจกเป็นนมของเกษตรกรจริง หรือเป็นนมผงจากประเทศจีนที่ผสมน้ำให้นักเรียนดื่ม ปัญหานี้รัฐบาลต้องจัดการ เพราะเป็นการเดิมพันอนาคตของชาติ ผมจึงมีข้อเสนอว่า ขอให้ทบทวนการให้สิทธิองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) ที่จะมีการต่ออายุในการดำเนินการโครงการนมโรงเรียน 1,6000 ล้านบาท ซึ่งโครงการมีความต่อเนื่อง 5 ปี รวมมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท รวมถึงตรวจสอบการบริหารของมิลค์บอร์ดว่ามีความโปร่งใส และตรวจสอบคุณภาพนมว่าเป็นนมที่มีคุณภาพดีหรือไม่ และควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและโรงเรียนสามารถจัดซื้อนมได้โดยตรง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการผูกขาด” นายวัชระ กล่าว