xs
xsm
sm
md
lg

รีแบรนด์ประชานิยม “ลุงตู่” พุ่งตรงรากหญ้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

                                                                   

ออกงานอีเวนต์เป็นว่าเล่น สำหรับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะตั้งแต่ได้พะยี่ห้อการตลาดตัวพ่ออย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี รับเหมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลที่อยู่ในอาการกระท่อนกระแท่นก่อนหน้านี้ เรียกว่าให้กุมบังเหียนกระทรวงปากท้องแบบเบ็ดเสร็จ ทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเปลี่ยนกลวิธีชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้ากับเมื่อยุคของ “คุณชายอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี สไตล์การเล่นเป็นคนละเวอร์ชั่นกันเลย

เกือบ 1 ปีแรกของ “คุณชายอุ๋ย” เน้นแก้ปัญหาระยะยาว ไม่หวือหวา แต่ไม่ทันใจกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ประชาชนต้องหาเช้ากินค่ำแบบปากกัดตีนถีบ ไม่มีใครรอดอกผลที่จะงอกเงยได้ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทีมเศรษฐกิจชุดแรกของรัฐบาลนายพลถูกตีตราว่าไม่มีผลงานและไม่มีน้ำยา ขณะที่ผู้เล่นชุดสองของสมคิดเน้นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ตีปี๊บมาตรการระยะสั้น หวังให้เห็นรูปธรรมจับต้องง่ายเอาไว้ก่อน เพื่อให้คนรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง

บัดนี้กลายเป็น “ลุงตู่อีเวนต์” ตระเวนเปิดงานจ้อกันรายวันรายสัปดาห์ ตั้งแต่เปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรีแฟร์ ครั้งที่ 56 ดีเดย์เปิดโครงการสนับสนุนสินเชื่อกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยให้ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อ พักหายใจแป๊บมาต่อเนื่องด้วยงาน “การขับเคลื่อนเอสเอ็มอี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” เว้นไปหนึ่งวันดอดมาเปิดงาน “สานพลังประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ในวันหยุดที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีสมคิดนั่งประกบ ในฐานะเจ้าพ่อแคมเปญตัวจริง

คิวเดินสายเปิดตัวยังไม่หมด ไม่พ้น 24 ชั่วโมง ต้องไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานมอบรางวัลทุนหมุนเวียนดีเด่น ประจำปี 2558 ณ ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ที่เดิม จนจะเป็นบ้านหลังที่สอง แถมก่อนเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวันที่ 23 กันยายน ทั้งที่ตัวเองมีตารางต้องบินในช่วงบ่าย ช่วงเช้าก็ยังอุตส่าห์ไปเปิดงานในลักษณะเดียวกันอีก ชนิดที่เอาเวลาไปเตรียมตัวจะดีกว่า มอบหมายคนอื่นไปแทนก็ยังได้

จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เด่นชัดที่สุดในยุคของสมคิด คือ การพุ่งเป้าไปที่ประชาชนรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เผชิญกับข้าวยากหมากแพง เสียงบ่นกันระงมกับฝีมือรัฐบาลนายพลที่บริหารประเทศไม่เป็น เกิดการเปรียบเทียบว่าสู้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะหากปล่อยให้ตกระกำลำบากต่อไป ท่องแต่คาถารอผลิดอกออกผลในอนาคตตามมาตรการระยะยาว มีหวังคนทำมีอันเป็นไปก่อนผลลัพธ์จะออกมา เพราะเรื่องปัญหาปากท้องทำหลายรัฐบาลพังพินาศมาแล้ว

ยิ่งคนรากหญ้าส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยทั้งหมด หากสถานการณ์การเมืองขณะนั้นเป็นช่วงสุกงอม สองเรื่องมาประสานงากันพอดี แค่มีใครจุดหัวเชื้อนิดเดียว อาจมีม็อบออกมาขับไล่รัฐบาลได้อย่างชอบธรรม พะยี่ห้อการตลาดอย่างสมคิดเลยต้องงัดมาตรการที่เห็นผลทันตาเอามาปลอบประโลมขัดตาทัพไปก่อน โดยเฉพาะการขุดนโยบายประชานิยมเก่าๆ สมัยพรรคไทยรักไทยออกมาเล่นแร่แปรธาตุ รีแบนด์กันใหม่อีกครั้ง

อย่างการปล่อยสินเชื่อกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่เคยโจษจันกันสมัยไทยรักไทย จนคนรากหญ้าติดกันงอม รัฐบาลชุดนี้ก็หยิบมาปัดฝุ่น เพียงแต่สมัยสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลังคนแรก ข่าวคราวไม่เปรี้ยงปร้าง ใจไม่ป้ำ ยังปลาซิวปลาสร้อยกันอยู่ ปล่อยกู้แต่เก็บดอกเบี้ย ในขณะที่สมคิดและขุนคลังคู่ใจ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ พลิกโฉมใหม่ปล่อยกู้เหมือนกัน แต่ 2 ปีแรก แบบไม่เก็บดอกเบี้ยด้วย ติ๊งต่างว่าไม่ใช่ประชานิยม แต่รูปแบบวิธีการลอกกันมาแบบทั้งดุ้น

“บิ๊กตู่” เองเคยรังเกียจประชานิยมหนักหนา ไปเวทีไหนตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กอยู่เป็นประจำกับนโยบายมอมเมาประชาชนแบบนี้ แต่เมื่อถึงเวลาจวนตัวก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเองไฟเขียวให้สมคิดทำ เพราะสถานการณ์แบบนี้มัวเก๊กหล่ออคติต่อไป คนที่รับผลกระทบคือประชาชนตาดำๆ ที่แทบจะกัดก้อนเกลือหรือแทะฝาบ้านกินกันแล้ว แต่ก็ยังจะวางฟอร์มแก้เขินไปว่า วิธีการไม่เหมือนกับยุคไทยรักไทย เพราะระบบตรววจสอบดีกว่า

แถมได้ทีหลอกด่า รัฐบาลนี้จะทำไม่ปล่อยปละละเลยให้กู้เอาไปใช้สุรุ่ยสุร่าย เหมือนยุคก่อนๆ แม้ไม่เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามว่าหมายถึงใคร แต่ทุกคนรับรู้ได้ว่า จงใจให้กระทบชิ่งไปถึงใคร เพราะโปรเจ็กต์นี้มันเคยฉาวโฉ่กันมากที่สุดในยุคๆ หนึ่ง ทั้งที่เอาจริงๆ วิธีการเหมือนกันอย่างกับถ่ายเอกสารกันมา ไม่ได้ต่อเติมหรือตกแต่งอะไรเข้าไปใหม่ จะต่างกันก็แค่วันนี้คนทำชื่อ “ประยุทธ์” ไม่ใช่ชื่อทักษิณ หรือสมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

แล้วยังต้องดูที่ว่า รัดเข็มขัดแน่น นำเงินไปใช้เฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้น มันจะมีผลลัพธ์คุ้มค่าหรือไม่ ระบบตรวจสอบจะทำงานได้เข้มข้นอย่างที่พรรณนาไว้หรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามนำเงินไปใช้หนี้เก่า ตรงนี้ชาวบ้านชาวช่องจะแฮปปี้โดนใจจริงหรือไม่ยังไม่รู้ ถ้าได้เงินมาแต่โดนตีกรอบให้ใช้จ่ายเฉพาะที่รัฐกำหนดไว้ ทั้งที่ความจำเป็นแต่ละคนแตกต่างกัน จะกลายเป็นการเกาไม่ถูกที่คันเอาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตอนนี้เป็นแค่เริ่มต้น รอดูตอนหนังฉายจริงดีกว่า

อย่างไรก็ดี หากสังเกตให้ดีช่วงนี้งานที่ “บิ๊กตู่” ออกมา ล้วนเป็นงานเศรษฐกิจและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรากหญ้าทั้งสิ้น ลักษณะการจัดงานจะให้คนระดับล่างมีส่วนร่วมมากขึ้น เข้าใกล้กับสิ่งที่นักการเมืองเคยทำไปมากทุกวัน ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง “บิ๊กตู่” จะทำตัวแบบเดิมๆ ไม่ได้ หากคิดอยากจะอยู่บริหารประเทศให้ราบรื่นกว่านี้ต้องมีความเป็นนักการเมืองบ้าง ไม่เช่นนั้นไปไม่รอด

ต้องเล่นบทคลุกคลีกับประชาชนมากขึ้น ถึงลูกถึงคน อนาคตจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ก็ช่าง แต่เมื่อก้าวขึ้นหลังเสือในฐานะผู้นำประเทศจริตจะก้านต้องมี ต้องเล่นกับประชาชนให้เป็น โดยไอเดียนี้มีสมคิดเจ้าพ่อการตลาดเป็นเทรนเนอร์ใหญ่

ทุกวันนี้อย่าปฏิเสธให้เสียรังวัดไปเลย โดยหน้าที่และตำแหน่ง ตลอดจนท่าทีอะไรต่างๆ มันก็นักการเมืองดีๆ นี่เองแหละ
กำลังโหลดความคิดเห็น