รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต แนะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญควรได้สัดส่วนที่ทำให้สังคมน่าเชื่อถือมากกว่าชุดที่แล้ว คนเป็นประธานต้องต้นทุนสูง มีภาวะผู้นำ รวมพละกำลังส่งการปฏิรูประยะยาวได้ ไม่ต้องเป็นนักกฎหมาย ไม่ใช่เอาที่ คสช.สั่งได้ ชี้ สปท.ไม่ควรมีทหาร ข้าราชการมากเกินไป ยิ่งใช้ยุทธศาสตร์ประชารัฐควรคำนึงถึงความเสมอภาค แต่ห่วงอำนาจไม่ชัด
วันนี้ (20 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ตนเห็นว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 21 คนที่อยู่ระหว่าง คสช.สรรหานั้น ควรจะได้องค์ประกอบและสัดส่วนที่จะทำให้สังคมเกิดความน่าเชื่อถือมากที่สุด อย่างน้อยต้องมีความน่าเชื่อถือมากกว่ากรรมาธิการยกร่างก่อนหน้านี้ เพราะจะผลในทางจิตวิทยาและความเชื่อมั่นและความหวังของประชาชนต่อกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะตำแหน่งประธาน กรธ.ที่ต้องเป็นบุคคลที่มีต้นทุนสูง มีภาวะผู้นำ สามารถจุดประกายและรวบรวมพละกำลังทางสังคมเพื่อสร้างแรงส่งของการปฏิรูปในระยะยาวได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักกฎหมาย หรือนักรัฐธรรมนูญนิยม
“คสช.จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดไม่ใช่ไปล็อกสเปกว่าต้องเป็นคนที่ คสช.สั่งได้เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดความเสี่ยงเกิดความหวาดระแวง และสังคมจะหันหลังให้กับกระบวนการปฏิรูปในที่สุด ต้องไม่ลืมว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา มีความต่อเนื่องและระดมการมีส่วนร่วมให้มากที่สุด จะทำคนเดียวหรือโดยฝ่ายเดียวไม่ได้” นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวว่า ในส่วนการเลือกสรรสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ หรือ สปท.นั้น นอกจากต้องคำนึงถึงความหลากหลายแล้ว ควรเป็นคนที่จะมีบทบาทในการขับเคลื่อนหรือสานต่อกระบวนการปฎิรูปในระยะยาวด้วย และไม่ควรมีสัดส่วนของทหารและภาคราชการมากเกินไป ยิ่งรัฐบาลประกาศยุทธศาสตร์ประชารัฐแล้วก็ควรคำนึงถึงความเสมอภาคและความเท่าเทียมไม่ใช่ปล่อยให้ภาครัฐราชการมาครอบงำภาคประชาสังคม ที่น่าเป็นห่วงคืออำนาจหน้าที่ของสภาขับเคลื่อนฯ ยังไม่มีความชัดเจน ถ้าต้องทำหน้าที่คล้ายสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สป.ที่ถูกยุบไปแล้ว ซึ่งจะไม่มีความสำคัญอะไร คสช.จึงต้องกำหนดอำนาจหน้าที่ของสภาขับเคลื่อนฯ ให้ชัดเจนกว่านี้
