ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย แนะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บูรณาการอำนาจ เร่งผลักดันการปฏิรูปในเรื่องสำคัญ หลังร่างรัฐธรรมนูญถูกคว่ำ มั่นใจสังคมเห็นภาพชัดขึ้นและไม่เสียของ
วันนี้ (6 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) เห็นว่า มติสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คว่ำร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถูกชี้ขาดด้วย สปช. สายทหาร - ตำรวจ กว่า 30 คน ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะด้วยเหตุผลประการใดเป็นสาเหตุสำคัญก็ตาม แต่จากนี้ไปจะทำให้วาระปฏิรูปประเทศไปอยู่บนบ่า คสช. เต็ม ๆ
ทั้งนี้ ต่อไป คสช. จะบอกว่าเป็นไปตามโรดแมปในรัฐธรรมนูญชั่วคราว คสช. ไม่เกี่ยวจะฟังไม่ขึ้นอีกแล้ว และคนจะเริ่มถามหาความจริงใจจาก คสช. ว่า ตกลงจะปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังหรือไม่ หรือเอาประเด็นปฏิรูปมาเป็นเกมอำนาจเท่านั้น จากนี้ไปจะเป็นบทพิสูจน์ คสช. ว่า จะอยู่ต่อเพื่อปฏิรูปประเทศจริงจังแค่ไหน ทันทีที่มีการตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ภายใน 30 วัน จำนวน 21 คนก็คงพอจะประเมินได้ระดับหนึ่งว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าหรือแย่กว่าร่างรัฐธรรมนูญที่เพิ่งถูกคว่ำไป
นายสุริยะใส เห็นว่า สิ่งที่ คสช. ควรทำและไม่ต้องรอร่างรัฐธรรมนูญ คือ การบูรณาการอำนาจ เร่งผลักดันการปฏิรูปในเรื่องสำคัญ ๆ ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นการปฏิรูปในระดับโครงสร้าง เช่น การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ การปฏิรูปตำรวจ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ยุทธศาสตร์ด้านพลังงานและทรัพยากรที่เป็นธรรมและยั่งยืน การกระจายอำนาจ เป็นต้น
“ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเราเห็นแต่โรดแมปของการเขียนรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่เห็นโรดแมปของการปฏิรูปที่เป็นเรื่องของเนื้อหาสาระ เพราะได้รัฐธรรมนูญมาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าการปฏิรูปจะสำเร็จเสมอไป ถ้า คสช. ประกาศโรดแมปปฏิรูปในส่วน คสช. ก็จะทำให้สังคมเห็นภาพชัดขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือก่อนเลือกตั้งและจะไม่เป็นการเสียของ เปลืองงบประมาณเหมือนช่วงที่ผ่านมา” นายสุริยะใส กล่าว