เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โอ่เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยใหม่แสดงออกวันครบรอบ 19 กันยา แต่อย่าทำต่อเนื่อง แย้มตำรวจบันทึกภาพไว้แล้ว ใครทำผิด พ.ร.บ.ชุมนุมฯ - ไม่รู้ศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับ 1 พันเอก 2 ร้อยเอก ผิดค้ามนุษย์โรฮีนจา แต่ต้องให้ความเป็นธรรมลูกน้องด้วย ถ้าผิดจริงจะฟันเฉียบขาด
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มขบวนขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เคลื่อนไหวรำลึกครบรอบเหตุการณ์ 9 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาเป็นท้าทายอำนาจ คสช.หรือไม่ว่า ถ้าคิดในทางหนึ่งก็คือ คสช.เปิดโอกาสให้มีการแสดงออกได้ ทั้งนี้เราพยายามไม่ให้เกิดปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย เราก็ระมัดระวังอยู่ตลอด แต่ตนคิดว่าอย่าไปทำเช่นนี้ต่อเนื่องเลย พวกท่านอาจจะถือวันเวลาเป็นสัญลักษณ์ เข้าใจว่าจะต้องมีการแสดงออกบ้าง แต่อย่าลืมว่าเรายังมี พ.ร.บ.การชุมนุมในพื้นที่สาธารณะอยู่ ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ผิดกฎหมาย ผู้ที่ดำเนินการนอกกรอบกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้บันทึกเหตุการณ์ไว้หมดแล้ว และจะมีการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อไป เป็นหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเพราะถือว่ากลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ทำผิดกฎหมายปกติ
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินการเอาผิดย้อนหลังหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า เรื่องนี้ทางตำรวจจะเป็นผู้พิจารณาว่าผิด พ.ร.บ.ชุมนุมในพื้นที่สาธารณะหรือไม่ และจะผิดในรายละเอียดต่างๆ ด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่าศาลจังหวัดนาทวีอนุมัติออกหมายจับนายทหารยศพันเอก 1 นาย และยศร้อยเอก 2 นายเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาว่า ตอนนี้ตนไม่ทราบรายละเอียด ต้องติดตามรายละเอียดก่อน ทั้งนี้เรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับทหารที่ตนในฐานะ ผบ.ทบ.ยังรับผิดชอบอยู่ หากพบว่าเกี่ยวข้องกับกองทัพบกและมีความผิดไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ ถ้ามีความเกี่ยวพันเราจะดำเนินการอย่างเข้มงวด โดย 2 เดือนที่ผ่านมาเราได้เข้มงวดกวดขันดำเนินการสอบสวนคนที่มีความเกี่ยวข้อง แต่ต้องยอมรับว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เราต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหาด้วย หากผิดจริงเราจะไม่ให้ความช่วยเหลือ และจะดำเนินการเฉียบขาดเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่าง และทำให้ประชาคมโลกเห็นว่าประเทศไทยมีความตั้งใจที่จะจัดการผู้กระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะการค้ามนุษย์