“จาตุรนต์” ระบุเรื่องสำคัญมากกว่าโรดแม็ปร่าง รธน.คือการกำหนดให้ชัดจะทำอย่างไรหากร่าง รธน.ไม่ผ่านประชามติ ห่วงเรื่องพิสดารให้ยุบพรรคแล้วตั้งใหม่ หวังยื้อกระบวนการเลือกตั้ง เตือน กรธ.ชุดใหม่ระวังพบจุดจบเหมือน “บวรศักดิ์” ที่ ร่าง รธน. ตามคำแนะนำ “วิษณุ”
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวการเสนอปรับโรดแม็ปร่างรัฐธรรมนูญใช้สูตร 3-3, 3-2 ว่า สูตรที่เสนอ 3-3 , 3-2 เป็นเพียงครึ่งเดียว ยังไม่ได้พูดกการลงประชามติ ที่หากไม่ผ่านจะทำอย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็น 6-4 ,6-4 หรือ 3-3, 3-2 ถ้าไม่มีความชัดเจนในการทำประชามติก็จะยืดเยื้อไม่สิ้นสุดซึ่งตรงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน จะนำรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้ชั่วคราวหรือไม่ แล้วให้ประชาชนมาร่างกันเองหรือจะย้อนกลับมาให้ คสช. ตั้งคณะกรรมาธิการกันใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องกำหนดให้ชัด ถ้าไม่ตัดสินใจอะไร ก็ให้ประชาชนตัดสินในการลงประชามติ
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่ว่าพรรคการเมืองต้องจดทะเบียนพรรคใหม่ เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบนั้น เป็นเรื่องที่พิสดาร อย่างสมัยก่อนที่ให้ยุบพรรคการเมือง เมื่อมีการเลือกตั้งก็จดทะเบียนพรรคใหม่ แต่การรัฐประหารครั้งหลังๆ คณะรัฐประหารไม่กล้าทำ จึงไม่ได้ยุบพรรค เพราะระบบพรรคการเมืองพัฒนามาไกล ถ้าจะยุบพรรคการเมืองเท่ากับเป็นการหาเหตุเพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งยืดเยื้อออกไป อาจหมายถึงต้องการทำลายระบบพรรคการเมืองก็ได้ เพราะเวลานี้ไม่มีใครรู้ว่า คำว่า “พิสดาร” จะหมายถึงอะไร แต่ถ้าไม่ต้องการให้พรรคใหม่เสียเปรียบก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองจดทะเบียนเตรียมก่อตั้งพรรค หาสมาชิกได้ตั้งแต่รัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ ซึ่งมีเวลาเหลือเฟือ ก็จะทำให้เข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนพรรคการเมืองเก่าก็ไม่ต้องยกเลิก เพียงแต่ให้ปรับตัวตามกฎระเบียบใหม่จะดีกว่า ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่าเป็นเรื่องพิสดาร จึงเป็นห่วงว่าถ้าพิสดารมากๆ ร่างรัฐธรรมนูญล่าสุด หากไม่ผ่านขั้นลงประมาติ กรรมการร่างธรรมนูญ (กรธ.) ชุดใหม่ก็อาจจะเสียผู้เสียคนอย่าง นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะการที่นายบวรศักดิ์ ทำเรื่องไปไกลมาก ก็เพราะทำตามคำแนะนำของนายวิษณุ และถ้า กรธ. ต้องทำตามคำแนะนำที่พิสดารก็อาจจะมีจุบจบคล้ายกับนายบวรศักดิ์
