รายงานการเมือง
ชัดเจนระดับหนึ่งว่า รายชื่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จำนวน 21 รายชื่อ และสมาชิกสภาขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปประเทศ ไม่เกิน 200 คนที่จะลงนามตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. น่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการประชุมร่วมครั้งสำคัญระหว่างคณะรัฐมนตรี และบอร์ด คสช.ในวันอังคารที่ 22 ก.ย.นี้ มีการนัดหมายอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว
เหตุที่ต้องทำโผรายชื่อ กรธ. และสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ให้เสร็จในช่วง 22 ก.ย.ก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา ยาวเลยตั้งแต่ 23 ก.ย.ถึง 2 ต.ค. จึงทำให้เรื่องการตั้ง กรธ. และสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสหรัฐฯ
ดังนั้น การประชุมร่วม ครม.-คสช.ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ คงเป็นการประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปรายชื่อ กรธ.และสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ นั่นเอง แต่ข่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการประกาศรายชื่อ 21 กรธ. กับสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ในช่วงวันที่ 23 ก.ย. ก่อน “บิ๊กตู่” จะบินไปสหรัฐฯ หรือพอได้ข้อสรุปรายชื่อทั้งหมดในวันที่ 22 ก.ย. จากนั้นก็ให้ฝ่ายกฎหมายของ คสช.นำรายชื่อไปตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ ว่าคนไหนขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ พอทุกอย่างเรียบร้อยก็นำรายชื่อใส่แฟ้ม รอให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับจากสหรัฐฯ แล้วค่อยลงนามประกาศแต่งตั้ง เพราะยังทัน เนื่องจากต้องตั้งก่อน 6 ต.ค.แต่บิ๊กตู่กลับไทยช่วง 2 ต.ค. ขั้นตอนตรงนี้ข่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นแบบไหน
เหตุที่ข่าวยังไม่แน่ชัดเป็นเพราะส่วนหนึ่งได้รับแจ้งมาว่า นับแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไปบรรดาบิ๊ก คสช. และผู้เกี่ยวข้องที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายภารกิจให้ไปลิสต์รายชื่อบุคคลที่สมควรไปทาบทามให้มานั่งเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ จะเริ่มต่อสายติดต่อทาบทามบุคคลต่างๆ กันแล้ว หลังสัปดาห์ที่ผ่านมามีแต่กระแสข่าวคนนั้นคนนี้จะมาเป็นประธาน และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กับสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯออกมาอย่างถี่ยิบ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วคนใน คสช.ยังอยู่ระหว่างลิสต์รายชื่อกันอยู่ว่าจะไปทาบทามใครมาบ้าง ตอนนี้มีข่าวว่า มีชื่ออยู่ในลิสต์กันหลายชื่อแล้ว ทั้ง กรธ.และสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ
ในส่วนของสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ไม่น่ามีปัญหาอะไรมาก ไม่ต้องเน้นอะไรมากเป็นพิเศษ เพราะอำนาจหน้าที่ไม่ได้มีอะไรมาก แค่มารับงานต่อจาก สปช.ที่ทำไว้เท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องติดต่อทาบทามอะไรอยู่แล้ว เพราะมีคนอยากเป็นจำนวนมาก เอาแค่อดีต สปช.ชุดที่แล้ว ที่แอบลุ้นให้ตัวเองมีชื่อก็ปาเข้าไปเกิน 150 คนแล้ว ไม่นับรวมพวกเครือข่าย คสช.ที่อยู่ในกลุ่มต่างๆ อีกจำนวนมาก
ดังนั้น ในส่วนของการสรรหาคนมาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ จึงไม่มีปัญหาว่าทาบทามไปแล้วจะมีคนปฏิเสธ แต่จะมีปัญหาสำคัญกว่า คือจะตัดชื่อไหนออกมากกว่า เพราะข่าวว่าตอนนี้ฝุ่นตลบพอสมควร สำหรับพวกอยากมีตำแหน่งทั้งหลายที่วิ่งเข้าหาขั้วอำนาจ คสช.กันหลายกลุ่มก๊วนจนมีข่าวว่าลิสต์รายชื่อน่าจะทะลุเกินหลัก 150 ไปแล้ว อันนี้ยังไม่นับรวมที่ พล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ส่งมาให้อีกกระทรวงละ 5 รายชื่อ แต่ข่าวบอกว่าบางกระทรวงข้าราชการประจำก็ลิสต์ชื่อส่งไปให้รัฐมนตรีเกิน 10 ชื่อ
ดูแค่นี้ โผสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ที่จะอยู่ในรอบสุดท้าย รอให้เคาะเหลือไม่เหลือ 200 ชื่อ ยังไงก็น่าจะเกิน 200 รายชื่อชัวร์เห็นๆ คนใน คสช.ก็จะปวดหัวตอนคัดกรองชื่อนี่แหละว่าจะกรองยังไงให้เหลือแค่ไม่เกิน 200 รายชื่อ รอบนี้น่าจะมีคนผิดหวังไม่น้อย
และอาจเพราะข่าวเริ่มออกมาแล้วว่าจะมีคนอกหักกันไม่น้อย เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์จะใช้วิธีเกลี่ยโควตาไปยังภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้สมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ มีความหลากหลาย ดูแล้วพวกสายที่มาจากภาคข้าราชการ น่าจะมีจำนวนมากพอสมควร ทำให้เริ่มมีสุ้มเสียงอดีต สปช.ที่เป็นพวกสายอดีตนักการเมือง-นักเคลื่อนไหวการเมืองออกมาตีกัน ขอเก้าอี้ผ่านสื่อกันแบบโต้งๆไม่เกรงใจใครกันแล้ว เพราะรู้ดีว่าหากทำเหนียมแล้วชื่ออาจหายกันทั้งก๊ก
เห็นได้จากอดีต สปช.ขอนแก่น อย่าง เอกราช ช่างเหลา ที่เป็นหนึ่งในอดีตแกนนำ สปช.ที่เคลื่อนไหวให้มีการล้มร่างรัฐธรรมนูญ เลยพูดแบบไม่มีกั๊กว่าการตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ส่วนตัวมองว่าถ้ามีอดีต สปช.ทั้งฝ่ายรับและไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเข้าไปเป็นสภาขับเคลื่อนฯ ก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด เพราะจะได้ช่วยสานงานต่อเรื่องการปฏิรูปด้านต่างๆ ที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปแต่ละชุด ส่งให้รัฐบาลดำเนินการจะช่วยให้การขับเคลื่อนการทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะได้คนที่รู้งานอยู่แล้วมาทำ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
“เห็นว่าอย่างน้อยควรมีอดีต สปช.เป็นสภาขับเคลื่อนฯ 100 คน เพื่อกระจายไปอยู่ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปชุดต่างๆ ของสภาขับเคลื่อนฯ”
ชัดๆ โต้งๆ แบบนี้ ไม่รู้จะพาอดีต สปช.ทั้งพวกรับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ที่ลุ้นมีชื่อติดโผ สมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ จะพลอยวืดกันไปทั้งยวงหรือเปล่าไม่รู้ เพราะดูทรงแล้วล่อนจ้อนแบบนี้ บิ๊กตู่ไม่ชอบแน่นอน เพราะเป็นลักษณะการขอโควตาที่หาก คสช.ยอมทำตาม การเกิดขึ้นของสภาขับเคลื่อนฯ คงดูไม่ค่อยดีนัก
จริงอยู่ว่า การให้มีอดีต สปช.มาอยู่ในสภาขับเคลื่อนฯ จำนวนหนึ่งจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้นำคนมีประสบการณ์มาคอยเป็นเป็นแกนหลักในการทำงานของสภาขับเคลื่อนฯ ว่าจะต้องทำอะไรต่อไปในการเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปประเทศ ตามที่ สปช.เคยทำและศึกษาไว้ สภาขับเคลื่อนฯ จะได้ไม่เสียเวลาในการทำงานไม่ต้องมานับหนึ่งใหม่ แต่การที่จะมาขอโควตากันว่าต้องตั้งมาเท่านั้นเท่านี้ เรื่องแบบนี้ “บิ๊กตู่” ไม่ชอบนะจะบอกให้
ก็รอดูแล้วกัน หากว่าประกาศชื่อสมาชิกสภาขับเคลื่อนฯ ออกมา ถ้ามีอดีต สปช.เข้ามาในสัดส่วนจำนวนมากผิดปกติ แถมเป็นพวกไม่รับร่างเป็นส่วนใหญ่ แถมมีชื่อ “เอกราช ช่างเหลา” ด้วย แบบนี้ต้องยอมรับนายแน่จริง
แต่ที่น่าปวดหัวมากกว่าสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.ก็คือ การติดต่อทาบทามคนมาเป็น ประธาน และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ดูแล้วคนที่จะมารับงานใหญ่คราวนี้ตามคำเชิญของ คสช.คงต้องคิดกันหนักพอสมควรกับภารกิจหนักในการเขียนร่างรัฐธรรมนูญภายใต้เงาของคณะรัฐประหาร ที่เชื่อว่าตอนนี้คงเริ่มมีบางคนถูกทาบทามกันบ้างแล้ว และน่าจะมีบางคนอีกเช่นกันที่ก็คงปฏิเสธไปแล้ว
เพราะอย่างข่าวที่ได้ยินมา พอมีกระแสข่าวว่าจะมีการเชิญอดีต กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดบวรศักดิ์ อุวรรณโณ บางคนมาร่วมเป็น 21 กรธ.ด้วย ก็ปรากฏว่ามีใครไม่รู้ส่งเสียงบ่นลอยมาแต่ไกล ทำนอง “แผลรอบที่แล้วยังหายไม่สนิท” บ้างก็ได้ยินว่า “ยังทำใจลำบาก” แต่ก็ไม่แน่ บางคนอาจไม่ได้คิดอะไร
รายชื่อ 21 กรธ.ที่ต้องเขียนร่างรัฐธรรมนูญภายใต้บังเหียน คสช. แม้อาจหายากสักหน่อย แต่ยังไงก็ได้ครบแน่ และตัวประธาน กรธ.ที่จะประกาศชื่อออกมาอาจไม่ใช่ชื่อที่ปรากฏตามสื่อตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ ใครจะไปรู้ ไม่แน่อาจมีเซอร์ไพรส์ให้หลายคนคาดไม่ถึง?