อดีตรัฐมนตรีคลังยุคยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก หนุนนายกฯ บี้ ทีโอทีฟ้องเรียกค่าเสียหาย เอไอเอส แก้สัญญาไม่เป็นธรรม รวม 7.2 หมื่นล้าน ชี้ หากรัฐบาลไม่ทำอาจเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ หลังมีคำพิพากษาศาลฎีกามานาน แถม ป.ป.ช. แจ้งความผิดแล้ว แต่สงสัยต้องมีผู้สมคบคิดโดยด้วย เตือนรัฐมนตรีคลัง, ไอซีที. อธิบดีกรมสรรพสามิต และบอร์ดทีโอทีไม่สอบจะเข้าข่าย ม.157 รับสมัยนั่งเก้าอี้ไม่ได้สอบเหตุเรื่องไม่ได้มีเข้า ครม. มา
วันนี้ (16 ก.ย.) เว็บไซต์เฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala ของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เว็บไซต์หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ตีพิมพ์ข่าว “บิ๊กตู่” สั่งลุยเอไอเอส เรียกค่าชดใช้แสน ล." อ้างว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (15 ก.ย.) มีมติเห็นชอบให้นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปเร่งรัดให้บริษัท ทีโอที เรียกค่าชดใช้ตามคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียประโยชน์ให้แก่ทีโอที จากการแก้ไขสัญญาที่เอื้อประโยชน์ให้เอไอเอส รวม 7.2 หมื่นล้านบาท
โดย นายธีระชัย ระบุว่า ตนชอบข่าวนี้ นายกฯ บอกให้หน่วยงานของรัฐฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทมือถือ สืบเนื่องจากการแก้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม 2 เรื่อง กรณีแรกเป็นการแก้ไขสัญญาการลดส่วนแบ่งรายได้ระบบเติมเงิน (พรีเพด) การจ่ายโรมมิ่ง ซึ่งทำให้ ทีโอที เสียรายได้ 3.6 หมื่นล้านบาท อีกส่วนเป็นผลจากการแปลงรายได้จากค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต รวมความเสียหาย 7.2 หมื่นล้านบาท คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองตัดสินแล้ว และ ป.ป.ช. ก็แจ้งความผิดมาแล้ว ดังนั้น หากไม่เรียกค่าเสียหายทางแพ่ง รัฐบาลนี้ก็อาจจะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ตนจึงเห็นด้วย
นายธีระชัย ระบุว่า แต่มีข้อสงสัยว่า การกระทำความผิดดังกล่าว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะกระทำคนเดียวไม่ได้ จะต้องมีผู้สมคบร่วมกระทำความผิด และผู้สนับสนุน ทั้งในกระทรวง ไอซีที กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการ ทีโอที ตนจึงมีข้อสงสัยว่า ผู้สมคบร่วมกระทำความผิด และผู้สนับสนุนเหล่านี้ เป็นใคร และเหตุใดรัฐบาลจึงไม่มีการสอบสวนเพื่อลงโทษ เพราะบุคคลที่เป็น ผู้สมคบร่วมกระทำความผิด และผู้สนับสนุน นั้น ต้องรับผิดทั้งทางอาญา ทางแพ่ง และกรณีเป็นข้าราชการ จะมีความผิดทางวินัย กรณีเป็นนักการเมือง จะมีความผิดทางการเมืองที่ต้องเสนอวุฒิสภาอีกด้วย ดังนั้น ถ้าหากไม่มีการสอบสวนในกระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต กระทรวงไอซีที และหน่วยงานที่กำกับดูแล ทีโอที ตนเกรงว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลนี้ จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีเรื่องที่เพิ่งผ่านเข้า ครม. เมื่อวานนี้ ปรากฏเป็นหลักฐานไว้แล้ว
นายธีระชัย ระบุอีกว่า ตนจำได้ว่าเรื่องนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรี ไอซีที (ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) เคยให้ข่าวไว้ว่าจำเป็นต้องดำเนินการและต่อมาเปลี่ยนเป็นรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เรื่องก็เงียบไป ตนเองเพิ่งตระหนักว่าในระหว่างที่ตนดำรงตำแหน่ง ตนก็ไม่ได้ดำเนินการสอบสวนภายในกระทรวงการคลังเหมือนกัน ทำให้ตนเข้าข่ายอาจจะละเว้นไปด้วย แต่เมื่อค้นดูข้อมูลแล้ว ไม่ได้มีเรื่องผ่านกระทรวงการคลัง หรือผ่าน ครม. ในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันตัวในกรณีนี้ ตนจึงได้ทำหนังสือแจ้งประธาน ป.ป.ช. ไปแล้ว เมื่อมีข่าวเรื่องนี้มีการเสนอ ครม. เกิดขึ้นในรัฐบาลเมื่อวานนี้ ตนจึงเห็นจำเป็นต้องเตือนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตนเกรงว่า ลำพังเฉพาะการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทมือถือ ตามที่นายกฯ สั่งการนั้น ยังไม่ครบถ้วนตามหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ถ้าหากไม่มีการสอบสวนภายในกระทรวงการคลัง และกระทรวง ไอซีที ให้ครบถ้วน ตนเกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดได้ ว่ามีบางคนพยายามปกป้องคุ้มครองบางบุคคลเป็นการเฉพาะ หรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ในเอกสารผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (15 ก.ย.) ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาล ไม่ได้มีรายงานเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ผมชอบข่าวนี้ครับท่านนายกบอกให้หน่วยงานของรัฐฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทมือถือ สืบเนื่องจากการแก้สัญญาที่ไม่เป็นธรรม 2...
Posted by Thirachai Phuvanatnaranubala on Tuesday, September 15, 2015