นายกรัฐมนตรีเผยที่ประชุมแม่น้ำ 3 สาย เศรษฐกิจไทยไม่ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อหากเทียบประเทศอื่น เตรียมมาตรการรับมือน้ำแล้ง ขอประชาชนเสียสละพื้นที่กักเก็บน้ำก้อนสุดท้าย ยันฟ้องแพ่งจำนำข้าวทันแน่ แต่ตัวเลขยังไม่ชัด
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ที่ประชุมยังได้มีการประชุมเรื่องการเงินการคลัง ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ก็สรุปให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองของเราไม่ถึงขั้นจะต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เพียงแต่ประเทศเราคนที่มีรายได้น้อยมีจำนวนมากถึงได้รับผลกระทบมาก ทั้งที่สถานการณ์โดยรอบเราไม่ได้เลวไปกว่าประเทศเพื่อนบ้านประเทศใหญ่ๆ หลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยเศรษฐกิจพื้นฐานยังดีอยู่ เพียงแต่คนที่ได้รับผลกระทบคือคนที่มีรายได้น้อย ตนถามว่าเป็นความผิดของตนหรืออย่างไร ตนกำลังจะทำให้คนเหล่านี้มีรายได้เพิ่มขึ้น ที่เขาอ่อนแอมาถึงวันนี้เขาอ่อนแอเพราะอะไรก็หามา ทำไมราคาเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ย ที่ดิน มันแพงหมด ใครไปดูแลบ้าง ใครไปดูแลหนี้สาธารณะ หนี้นอกระบบบ้าง ตนทั้งนั้น ไม่ได้ทวงบุญคุณแต่อยากจะบอกให้ฟัง ไปมองจุดเล็กจุดน้อยให้ตนบ้าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไปสั่งแต่ละเรื่อง ถ้าไม่มีจิตใจที่จะทำให้คน มันคิดไม่ออกหรอก ตนคิดออกทั้งวัน หลายคนคิดว่าทำงานมาปีสองปีแล้วตนจะไม่มีอะไรสั่ง แต่ตนสั่งได้ทุกวัน เพราะนึกว่าเรื่องใหญ่ทำไปแล้ว เรื่องเล็กทำอย่างไร ก็ต้องคิดให้ชาวบ้านเขาหมด ตั้งแต่ตื่นยันนอน ตนคิดแบบนี้ ปัญหาอยู่ตรงไหนก็แก้ทีละขั้นไปตามงบประมาณ ตามกลไก ตามเวลาที่มีอยู่ ถ้าไม่มีวันหน้าก็ไปทำ ถ้าไม่ทำก็แล้วแต่ท่าน ถ้าวันหน้าเขาไม่ทำก็อย่ามาเจอหน้าตนนะ ตนไม่พูดด้วย
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงการแก้ปัญหาบริหารจัดการน้ำโดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งว่า ก็เป็นห่วง ตอนนี้เราแจ้งเตือนให้ประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องวาตภัย เรื่องน้ำท่วมที่มีผลเรื่องการเก็บกักน้ำ เพราะสถานการณ์ตอนนี้น้ำในเขื่อนมีไม่ถึง 30% ทำให้ทำการเพาะปลูกทำไม่ได้ในฤดูแล้งหน้าอาจจะมีปัญหา แต่ไม่ได้ให้ประชาชนตื่นตระหนก ดังนั้นตรงไหนมีฝนตกน้ำท่วมต้องหาทางระบายน้ำเหล่านี้ไปสู่ที่กักเก็บให้ได้ จะเป็นที่ใดก็แล้วแต่ ถ้าเป็นพื้นที่ของชาวบ้านต้องเสียสละพื้นที่บางเพื่อเป็นพื้นที่แก้มลิงฉุกเฉิน โดยรัฐบาลจะเข้าไปดูแลช่วยเหลือความเสียหายให้ไปรวมกลุ่มวางแผนกันว่าหมู่บ้าน-ตำบลจะเก็บน้ำไปไว้ที่ใด ส่วนแหล่งน้ำธรรมชาติ ห้วย หนอง คลอง บึง ที่ปลูกบ้านค่อม สร้างสะพาน-ถนนขวางทางก็ให้ไปเจาะให้ทะลุให้น้ำไปขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ การวางผังเมืองที่ผ่านมามันผิดไปทั้งหมดน้ำถึงได้ท่วมและแล้ง อย่าคาดหวังว่าจะแก้ได้เร็ว อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีน้ำก้อนสุดท้ายเข้ามาจากดีเปรสชันในภาคตะวันออก-อีสาน และ กทม.ฝนตก 70% ต้องเก็บไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นต้องไปรอฤดูฝนหน้าถ้าเก็บไว้ได้จะรอดตาย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อีกมาตรการคือการเตรียมการรับภัยแล้งโดยการให้เงินลงไปในโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ที่จะนำไปขุดบ่อน้ำเล็กๆ ช่วยตัวเองเพื่ออุปโภคบริโภค หรือขุดคลองส่งน้ำเล็กๆ เพื่อแบ่งบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ และเราต้องเข้าไปดูเร่องการเพาะปลูกพืช เพราะพื้นที่ท้ายน้ำมีน้อย ต้นน้ำเป็นบ่อเปิดแก้ไม่ได้ ต้องแบ่งพื้นที่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ต้นทางอาจจะปลูกพืชได้บ้าง กลางทางจะเปลี่ยนปลูกพืชใช้น้ำน้อยได้หรือไม่ ส่วนท้ายน้ำเลิกพูดน้ำไม่มาอยู่แล้วต้องไปดูว่าจะเปลี่ยนอาชีพได้หรือไม่ ได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์-มหาดไทย และคสช.ไปสำรวจพื้นที่ 36 ลุ่มน้ำให้หมด เพื่อจะปลูกพืชโดยข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯไปแนะนำ วันนี้ต้องเหนื่อยลงไปเดินกำกับดูแลในพื้นที่ขายตรงแบบไดเร็คเซล ไม่เช่นนั้นจะเปลี่ยนการปลูกพืชไม่ได้ก็เดือดร้อนจะต้องเอาเงินไปอีกเท่าไหร่ วันนี้ต้องเอาเงินไปลงทุน เพราะเงินเหล่านี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งสิ้น แม้จะเกิดรายได้ชั่วคราวแต่ไม่เข้มแข็ง ตนจึงเร่งสร้างความเข้มแข็งให้โดยแก้ระบบน้ำ แต่จนใจด้วยงบประมาณ เวลา ปัญหากฎหมายเยอะแยะไปหมด ทำไม่ได้สักอย่าง เพราะที่ผ่านทุกคนไม่ไว้วางใจกันกฎหมายออกมาไม่ได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการฟ้องแพ่งในคดีจำนำข้าวว่า ยังไม่ได้ฟ้อง กำลังสอบสวนหาหลักฐาน แต่จะฟ้องภายในปีนี้ เพราะต้องไปตรวจสอบทุกไซโล ซึ่งบางยุ้งข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องขออนุมัติจากอัยการสูงสุดเพื่อให้ขายข้าวได้
เมื่อถามว่า คณะกรรมการตรวจสอบได้มีการสรุปตัวเลขเบื้องต้นหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สรุปมาแล้วแต่ยังไม่ชัดเจน ในส่วนยุ้งข้าวที่ตรวจสอบไม่ได้ ที่กองข้าวพังลงมา ไม่มีใครอยากไปแยกข้าว กรรมกรยังไม่อยากทำเลย
เมื่อถามว่า ตัวเลขเบื้องต้นนั้นมีความเสียหายเท่าไหร่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่รู้จำไม่ได้แล้ว ก็หลายแสนล้านบาท ตัวเลขขั้นต้นมัน 5 แสนล้านบาท แต่เขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของเงินหมุนเวียน ซึ่งก็แล้วแต่เขา ขี้เกียจเสียสมอง ให้คนที่มีหน้าที่เขาทำไป อย่างไรก็ฟ้องทัน ไม่ต้องกลัว ประชาชนจะร่วมฟ้องด้วยหรือไม่เล่า