xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” คาดถกร่วม ครม-คสช.คุยตั้ง กรธ.ปัดเน้น ปธ.ก่อน ขออย่ามองที่บุคคล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเผยวาระประชุมร่วม ครม.-คสช.มีแต่งตั้งพวกคั่งค้างให้จบ ส่วนกรรมการร่างรัฐธรรมนูญอยู่ระหว่างทำ คาดคงคุยกัน ปัดพิจารณาตัวประธานก่อน บอกเอาทั้งหมดมารวมแล้วค่อยคัดเป็นกลุ่ม แล้วค่อยมาถกกันอีก ขออย่ามองที่บุคคล ยันไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตยแต่อยากให้แข็งแรงได้คนดี ไม่อยากให้ได้นโยบายที่กลุ่มเกี่ยวข้องได้ประโยชน์ วอนสื่อช่วยกันชี้แจง อะไรที่เป็นประโยชน์ตนก็อย่าลืมบวกประโยชน์ชาติเข้าไปด้วย ชี้เชิญนักการเมืองปรับทัศนคติเหตุบอกไม่ให้ทำแล้วยังทำ


วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังการนำ ครม.ปั่นจักรยานรอบทำเนียบรัฐบาลก่อนการประชุมร่วม ครม.และ คสช. โดยกล่าวว่ามีวาระคือเป็นเรื่องการดูแลประชาชนและปัญหาเหตุติดขัดต่างๆ ที่ยังมีอยู่ และมีการแต่งตั้งบ้างเล็กน้อยที่ยังคั่งค้างอยู่จะได้จบเสียที

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาและแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ยังไม่เสร็จ อยู่ระหว่างการทำ การประชุมร่วม ครม.และคสช.วันนี้ก็จะมีการพูดคุยกันด้วย ตนได้ให้แนวคิดไปแล้ว ให้ทุกคนเสนอชื่อกันเข้ามาดูว่ามีใครบ้างอย่างไร

เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับการเชิญตัวนักการเมืองมาปรับทัศนคติด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกฎหมาย อย่าไปสนใจอะไรมากนัก ถ้าบอกไม่ให้ทำนี่นั่นแล้วมาทำก็ต้องมาคุยกัน และต้องดูว่าการพูดคุยนั้นทำให้เราเสียหายหรือเปล่า ถ้าพูดให้ตนเสียหายมันก็ไม่ถูก ตนทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ทำ ก็เลยเป็นปัญหาหรือเปล่า ตนไม่แน่ใจ

เมื่อถามว่า ถึงวันนี้รายชื่อ กรธ.ได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว หัวหน้า คสช.กล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ได้ห้าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วมั้ง เพราะมันเยอะนี่ ชื่อมันเยอะเหลือเกิน” เมื่อถามว่า แสดงว่าอาจมีการพิจารณาเฉพาะตัวประธาน กรธ.ก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ต้องให้มีการเสนอเข้ากันมาก่อน ตอนนี้ยังมีเวลา ทุกพวกทุกฝ่ายที่ให้คอนเซปต์ไปแล้วจะเอาใครมาบ้างแล้วเอาทั้งหมดมารวมกัน จากนั้นก็ค่อยมาแบ่ง และคัดเลือกเป็นกลุ่มที่ 1, 2, 3, 4, 5 ของแต่ละกลุ่มแล้วค่อยได้มาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อพิจารณาร่วมกัน ตอนนี้ให้แต่ละกลุ่มส่งชื่อกันเข้ามาก่อน เมื่อได้มาทั้งหมดก็จะมาจัดลำดับและคัดเลือกกันออกมา ให้ทุกคนคิดแต่เพียงว่าทุกอย่างนั้นทำเพื่อประโยชน์ดีกว่า อย่าไปมองตัวบุคคลเลย วันนี้ตนคิดว่าเรามองที่ตัวบุคคลมากเกินไป และเรามองการเมืองมากเกินไป ประชาธิปไตยมากเกินไปหรือเปล่า ประชาธิปไตยจะใช้คำว่ามากหรือไม่มากก็ไม่เป็นไร แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแล้วประชาธิปไตยที่ว่านั้นทำให้ประชาชนที่ยากจนมีรายได้ดีขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น เราจะทำอย่างไรก็ได้ ใครจะเข้ามาใครจะไปก็แล้วแต่ ขอให้ทำให้ประเทศนี้มันดีขึ้นก็แล้วกัน ถ้าเข้ามาเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศนี้ก้าวหน้า พร้อมๆ กับการมีประชาธิปไตยที่แข็งแรง

“ผมไม่ได้ปฏิเสธประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้แข็งแรงกว่าเดิมได้นักการเมืองที่ดี แต่ไม่ดีผมก็ไม่ว่าใคร ดีหรือไม่ดีทุกคนรู้อยู่แล้ว ผมเพียงแต่ไม่อยากให้ได้เข้ามาด้วยนโยบายเพียง 1-2-3 แล้วมีคนที่ได้ประโยชน์เพียงกลุ่มที่เกี่ยวข้อง มันไม่ได้ ต้องเป็นรัฐบาลที่เข้ามาแล้วสามารถอำนวยความสะดวกให้ทุกคนในประเทศนี้ ให้เกิดความเท่าเทียมกัน ทำมากก็ต้องได้มาก ทำน้อยก็ต้องขับเคลื่อนให้ได้มากขึ้น เพราะถ้ามันเท่าเทียมกันหมดก็คงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพียงแต่รัฐบาลต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้สามารถคงสภาพความเป็นอยู่ที่ดี ค้าขายกับต่างประเทศ มีเพื่อนในเวทีโลก ธุรกิจขนาดเล็กก็ต้องพัฒนาให้เป็นระดับกลาง ขนาดกลางก็ควรเติบโตเป็นขนาดใหญ่ ทั้งหมดหมายถึงทุกคนต้องมีรายได้และนำไปสู่ระบบของการเสียภาษีซึ่งรัฐก็ต้องไปดูว่ารายได้การเก็บภาษีเป็นอย่างไร ครบถ้วนหรือยัง ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ไปรีดนาทาเร้นใครอยู่แล้วซึ่งทุกคนก็ต้องช่วยกันบอกและชี้แจงไม่ใช่ว่าคิดอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา สื่อก็ออกมาต้าน อะไรที่เป็นผลประโยชน์ตัวเองก็อย่าลืมบวกผลประโยชน์ของชาติเข้าไปด้วย สื่อเป็นผู้ชี้แจงสังคมก็ต้องชี้แจงให้เกิดความเข้าใจว่าบ้านนี้เมืองนี้ไปด้วยคนใดคนหนึ่งไม่ได้ คนทั้งประเทศ 70 ล้านคนต้องไปด้วยกัน ในความหมาย stronger together เราจะเจริญเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน รวมทั้งสื่อมวลชนด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น