ผ่าประเด็นร้อน
ในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาได้เห็นอาการขึงขังของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติออกมาตำหนิพฤติกรรมของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อย่างรุนแรง ในทำนองว่ามีพฤติกรรมรีดไถ ทุจริตในหน้าที่ เป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายทำลายความมั่นคงของชาติ มีการเรียกประชุมระดับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตม. ตั้งแต่ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ปัจจุบันยังเป็น พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา โดยตามข่าวรายงานว่าในที่ประชุมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ มีการแจกแผ่นกระดาษแจกแจงพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองถึง 6 ข้อ สรุปรวมๆ ก็คือ “ทุจริต รีดไถ และหาประโยชน์จากต่างด้าว”
ทั้งที่จะว่าไปแล้วพฤติกรรมแบบนี้ชาวบ้านเขารับรู้มานานเป็นปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงที่ นายมีไรลี ยูซูฟู หนึ่งในผู้ต้องหาที่ร่วมในขบวนการลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ ถูกทหารจากกองกำลังบูรพาจับกุมได้ที่ชายแดนจังหวัดสระแก้วหรอก
เพียงแต่ว่าการจับกุม นายมีไรลี ยูซูฟู ดังกล่าวทำให้ “เรื่องแดง” ขึ้นมาว่า ใน สตม.มีพฤติกรรมน่ารังเกียจจำนวน 6 ข้อตามที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำมาประจานในที่ประชุมนายตำรวจ สตม.ทั่วประเทศจริง และการที่ทหารจากกองกำลังบูรพาจับกุม นายมีไรลี ยูซูฟู ได้คาชายแดนสระแก้วในครั้งนั้นก็นำไปสู่ “คำสั่งย้ายล้างบาง” ในด่าน ตม.สระแก้ว ตามมาไงล่ะ
ขณะเดียวกัน ต้องรับรู้ด้วยว่าก่อนคำสั่งย้ายดังกล่าวออกมา มีรายงานว่า “ฝ่ายความมั่นคง” โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโกรธมากกับคำสารภาพของผู้ต้องหาคนสำคัญที่ระบุว่าได้เคยผ่านเข้าออกที่ด่านตม.จังหวัดสระแก้ว รวมไปถึงผู้ต้องหาร่วมขบวนการคนอื่นๆ โดยใช้วิธีการที่ “รู้ๆ” กันอยู่
แน่นอนว่านี่คือ “เรื่องใหญ่” ที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันตามความเป็นจริงรับรองว่าพฤติกรรมของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง “จำนวนไม่น้อย” ต้องมีเรื่องแบบนี้มานานนับปีหรือหลายปีมาแล้ว หากพูดให้ความเป็นธรรมก็คงมีมาก่อนยุคที่ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในปัจจุบันแน่นอน หรืออาจจะเกิดขึ้นในยุคที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เคยเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยและถูกย้ายมานั่งที่หน่วยงานนี้ก็ได้
อย่างไรก็ดี แม้เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วที่จะต้องมีการสังคายนาในสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกันอย่างขนานใหญ่ และเชื่อว่า นาทีนี้ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคยปัจจุบันคงจะเก็บเสื้อผ้าเก็บข้าวของในห้องทำงานแล้วก็ได้ คงรู้ชะตากรรมดี แต่ถ้าไม่ย้ายก็ต้องบอกว่า “เส้นใหญ่แบบผิดปกติ” แน่นอน เพราะนี่คือความบกพร่องอย่างชัดเจนคงละเว้นไม่ได้ แต่ขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบก็ต้อง “เหนือกว่าระดับนี้” ด้วย นั่นคือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้บังคับบัญชาจะปฏิเสธไม่ได้ และยิ่งอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะพฤติกรรมทั้ง 6 ข้อที่นำมาประจานนั้นคงไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ หรือเกิดขึ้นในช่วงการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญในคดีลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์คาชายแดนหรอก
แต่ขณะเดียวกัน กลับกลายเป็นว่า เมื่อเกิดเหตุอื้อฉาวที่ด่าน ตม.สระแก้ว และด่าน ตม.ทั่วประเทศ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูเหมือนจะออก “แอ็กชัน” แรงๆ ผิดสังเกต ถ้าดูเผินๆ ทุกคำพูดที่ออกมาที่สะท้อนการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ต้องบอกว่านี่แหละ “ใช่เลย” พูดแบบนี้มัน “โดน” เหมือนกับเข้าไปนั่งในใจของชาวบ้าน เหมือนกับรู้ไส้รู้พุง ไส้กี่ขดรู้หมด แต่เดี๋ยวก่อนครับพี่น้องหากมองอีกมุมหนึ่งการพูดแบบนี้มันก็เหมือนกับการประจานตัวเอง ประจานการบริหารงานของตัวเองที่ย่อมถูกมองว่ามีความ “บกพร่อง” ในฐานะผู้บริหารสูงสุดขององค์กร หากพิจารณาจากการเรียกประชุมด่วนตำรวจตม.ทั้งประเทศดังกล่าวถือว่าไม่ธรรมดา หากผู้บัญชาการ สตม.บกพร่อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็เลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้เป็นอันขาด
ดังนั้น ทำให้มองว่าการออกแอ็กชันแบบนี้นอกจากมองว่านี่เป็นการกลบเกลื่อนเพื่อเอาตัวรอดให้พ้นจากความรับผิดชอบตรงนั้นหรือเปล่า ทั้งที่ในความเป็นจริงความล้มเหลวต้องมีที่มาจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้บริหารสูงสุด เป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ด่าน ตม.สระแก้วเท่านั้น ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีปฏิกิริยาออกมาอย่างไรจากฝ่ายนโยบายที่เหนือกว่า ทั้งจากรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะมองเห็นต้นตอปัญหามาจากใครกันแน่!