องค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ตรวจสอบกรมศิลปากรบูรณะปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช ไม่โปร่งใส หลังจากปฏิสังขรณ์แล้วกลับมีสนิมขึ้น รวมถึงกรณีที่ทองคำหายด้วย
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนัก ก.พ. พระอธิการฉัตร อธิจิตฺโต องค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนากลุ่มพระสงฆ์ภาคใต้ วัดบางใหญ่ ต.บางจาก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรมศิลปากรต่อการบูรณะยอดพระบรมธาตุเจดีย์ และให้รื้อถอนอาคารศูนย์การค้าในวัดพระมหาธาตุวรมหาธาตุวิหาร (พระอารามหลวง) เนื่องด้วยอาคารดังกล่าวเป็นแบบแปลนมัสยิด และให้ย้ายรูปปั้นเจ้าชายทันทกุมาร เจ้าหญิงเหมชาลา มาประดิษฐสถานด้านหน้าหาดทรายแก้ว รวมถึงการพิจารณาแต่งตั้งอธิบดีกรมศิลปากร สืบเนื่องจากกรมศิลปากรได้บูรณะซ่อมแซมองค์พระบรมธาตุเจดีย์ (ปลียอดทองคำ) หลังจากบูรณะแล้วทำให้มีคราบสนิมไหลย้อยออกมาจากบริเวณยอดพระธาตุ ซึ่งเป็นทองคำ จนทำให้ประชาชนที่มีความเคารพเลื่อมใส และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศสลดใจ ดังนั้น อยากให้มีการตรวจสอบว่ากรมศิลปากรมีความโปร่งใสในการปฏิสังขรณ์หรือไม่ เหตุใดทองคำบริสุทธิ์จึงมีคราบสนิมเกิดขึ้นได้ รวมถึงกรณีที่ทองคำหายไปจากปลียอดพระธาตุ
นอกจากนี้ กรมศิลป์ยังได้สร้างอาคารศูนย์การค้า โดยใช้แบบแปลนเป็นมัสยิดในเขตพุทธสถาน โดยไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้านพุทธศิลป์และสัญลักษณ์ในทางพุทธศาสนาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทางกลุ่มอยากให้รื้อถอนอาคารศูนย์การค้าแปลนมัสยิดออกจากบริเวณพระบรมธาตุศรีวิชัย วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พระอารามหลวงให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 30 วัน หลังจากได้รับหนังสือ และให้มีการสร้างอาคารแบบพุทธศิลป์เท่านั้นในเขตพุทธสถาน
ขณะเดียวกัน การปรับปรุงสถานที่และภูมิทัศน์กรมศิลป์ได้เคลื่อนย้ายรูปปั้นเจ้าหญิงเหมชาลา และเจ้าชายทันทกุมาร ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน ณ วัดพระบรมธาตุ ซึ่งเดิมอยู่ด้านหน้าหาดทรายแก้ว แต่ถูกย้ายไปทางทิศใต้ของวิหารหลวงอันเป็นที่เหมาะสมของผู้มากราบไหว้ จึงต้องการให้ย้ายกลับมาจุดเดิมภายใน 30 วันนับจากที่ได้รับหนังสือ และสุดท้ายประเทศไทยมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นโบราณสถานและโบราณวัตถุจำนวนมาก 90 เปอร์เซ็นต์เป็นของพระพุทธศาสนา ดังนั้น หากจะมีการแต่งตั้งอธิบดีกรมศิลปากรต้องเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาเท่านั้น จะได้เข้าถึงความเป็นเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมพุทธศิลป์ ทั้งนี้ ภายหลังยื่นหนังสือกับนายสาธิต สุทธิเสริม เจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานมวลชน แล้ว ระหว่างนั้นได้มีการติดต่อ นายธาราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากรซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมศิลปากร มาชี้แจงกับกลุ่มดังกล่าว
โดย นายธาราพงศ์ ชี้แจงว่า การบูรณะมีมานานแล้วโดยมีคณะกรรมการ ขอยืนยันว่า มีความโปร่งใส และหากมีข้อสงสัยก็ขอให้ไปตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทุกประเด็นที่มีความเคลือบแคลงสงสัย ทั้งในเรื่องทอง และตะปูที่เป็นสนิม และหากทางคณะสงฆ์ต้องการที่จะให้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่วัดมหาพระธาตุวรวิหาร ก็จะเชิญช่างสิบหมู่มาร่วมด้วย และทางคณะสงฆ์ต้องการให้ดำเนินการก่อนวันที่ 12 ต.ค. 58 ก่อนช่วงเทศกาลวันสารทเดือนสิบ ในเดือน ต.ค. นั้น จะนำเรียนอธิบดีกรมศิลปากร และในส่วนของอาคารที่มีลักษณะคล้ายยุโรป ก็สามารถแก้ไขได้ ทั้งนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมชี้แจง และจะทำหนังสือให้ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมทราบด้วย โดยคณะสงฆ์ยืนยันที่จะให้ ผอ.กรมศิลปากร หรือผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ห้ามส่งตัวแทนไป
