xs
xsm
sm
md
lg

มีผลแล้ว! ยกเลิก พ.ร.ฎ.สวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


มีผลแล้ว ยกเลิก พ.ร.ฎ. สวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย เหตุใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ระบุในปัจจุบันสถาบันการเงินมีการให้บริการสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยเป็นจํานวนมาก ทําให้ข้าราชการและลูกจ้างประจํามีทางเลือกในการหาแหล่งเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ประกอบกับปัญหาการสูญเสียกําลังคนของภาครัฐได้ลดความสําคัญลงไปแล้ว

วันนี้ (9 ก.ย.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

โดยเนื้อหาของพระราชกฤษฎีกา มาตรา ๓ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๔ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์นําเงินตามโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการพร้อมดอกเบี้ยที่เกิดจากโครงการดังกล่าวทั้งหมดคืนให้กับกรมบัญชีกลางเพื่อนําส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เว้นแต่เงินของโครงการที่ข้าราชการหรือลูกจ้างประจํายังอยู่ระหว่างการผ่อนชําระเงินกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ มีผลใช้บังคับ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ส่งคืนกรมบัญชีกลางเมื่อได้รับชําระหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้เงินระยะเวลาการนําเงินส่งคืน ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการคืนเงิน ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกําหนด

มาตรา ๕ ข้าราชการหรือลูกจ้างประจําซึ่งได้กู้เงินตามโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ และอยู่ระหว่างผ่อนชําระเงินกู้หรือต้องชดใช้เงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการดังกล่าวในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้ยังคงมีสิทธิและหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ อยู่ต่อไปจนกว่าสัญญากู้เงินสิ้นสุดลง หรือได้ชดใช้เงินส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครบถ้วนแล้ว หรือออกจากการเข้าร่วมโครงการ

มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานและไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และในปัจจุบันสถาบันการเงินมีการให้บริการสินเชื่อด้านที่อยู่อาศัยเป็นจํานวนมาก ทําให้ข้าราชการและลูกจ้างประจํามีทางเลือกในการหาแหล่งเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ประกอบกับปัญหาการสูญเสียกําลังคนของภาครัฐได้ลดความสําคัญลงไปแล้ว สมควรยกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ชี้แจงว่า โครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ เป็นโครงการให้สินเชื่อแก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 โดยธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย MRR-3.00 (ปัจจุบัน MRR ธอส. เท่ากับ 6.85 ต่อปี) ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวได้รับอุดหนุนเงินงบประมาณจากรัฐบาลส่วนหนึ่ง และ ธอส.สมทบอีกส่วนหนึ่ง เพื่อให้เป็นสวัสดิการให้ข้าราชการ ลูกจ้าง มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

อย่างไรก็ตาม ได้ยุติการปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับโครงการดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2545 โดยมีจำนวนของลูกค้าที่เป็นข้าราชการเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 71,559 บัญชี วงเงินประมาณ 27,300 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 ยังมีลูกค้าคงเหลือจำนวน 2,670 บัญชี วงเงินประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มีวิธีปฏิบัติเพื่อไม่ให้ลูกค้าที่ยังอยู่ในโครงการเดิมได้รับผลกระทบ

ขณะเดียวกัน แม้จะยุติการดำเนินโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ แต่รัฐบาลก็ได้มีนโยบายให้ธนาคารจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อรองรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้าน ธอส.- กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2544 - 2557 ส่วนข้าราชการที่ไม่ใช่สมาชิก กบข. ก็สามารถใช้บริการ โครงการสินเชื่อสำหรับบุคลากรภาครัฐได้


กำลังโหลดความคิดเห็น