สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้อง ป.ป.ช. สอบ 135 สปช. โหวตคว่ำร่าง รธน. เชื่อ ขัด รธน. ชั่วคราว ข้อหาจงใจทำลายกระบวนการ “ศรีสุวรรณ” จับตา 135 สปช. ส่อมีผลประโยชน์ทับซ้อน หากเข้าไปนั่งสภาขับเคลื่อนฯ พร้อมยื่นสอบ “เทียนฉาย กีระนันนท์” เหตุไม่ตั้งกรรมการสอบจริยธรรม สปช. ล่าชื่อคว่ำ รธน.
วันนี้ (7 ก.ย.) มีรายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนสนามบินน้ำ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำโดย นายศรีสุวรรณ จรรยา ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมฯ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ประธานและกรรมการ ป.ป.ช. ผ่าน นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าวและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จำนวน 135 คน ที่ลงมติไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ถือว่า 135 สปช. มีการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาตรา 31(3) ที่ระบุไว้ว่า สมาชิก สปช. จะต้องพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้น แต่เมื่อ สปช. ทั้ง 135 คน ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า เป็นการจงใจ หรือเจตนาที่จะทำลายกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีเวลาหลายเดือนที่ สปช. จะเสนอความคิดเห็นให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนำไปเป็นประโยชน์ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ แต่กลับมาใช้อำนาจมาลงมติไม่เห็นชอบ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่
“นอกจากนี้ สมาชิก สปช. 135 คน ยังเข้าข่ายกระทำการหรือแสวงหาประโยชน์ร่วมกัน เพราะก่อนหน้าที่จะลงมติร่างรัฐธรรมนูญมี สปช. บางรายอ้างว่าหากร่วมกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ ซึ่งหากในอนาคต อดีต สปช. ที่ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ถูกเสนอชื่อให้เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ ก็จะชัดเจนว่าการดำเนินการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อน” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ขอให้ ป.ป.ช. เอาผิด นายเทียนฉาย กีระนันนท์ อดีต ประธาน สปช. ในฐานความผิดเดียวกันกับ 135 สปช. กรณีที่ไม่ยอมตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมสมาชิก สปช. บางคนที่ออกมาระบุว่า จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญหลายครั้งตามที่สมาคมฯเคยยื่นร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ จึงถือได้ว่าเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 4 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปช. 135 คน ยังเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ในการดำรงตำแหน่ง เพื่อแสวงหาประโยชน์ เนื่องจาก สปช. 135 คน เข้ามารับตำแหน่งได้รับค่าตอบแทนตลอด 11 เดือน คนละ 1.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน แต่กลับไม่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีผลไปสู่การมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำประชามติ ถือว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ ทั้งนี้ ขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อเอาผิดประธาน สปช. และสมาชิก 135 คน อย่างเร่งด่วน พร้อมกันนั้น ก็ขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการเรียกเงินตอบแทน ผลประโยชน์ เบี้ยประชุม และอื่น ๆ ที่เสียให้กับอดีตประธาน สปช. และอดีตสมาชิก สปช. ทั้ง 135 คน ให้กลับมาเป็นของแผ่นดิน เพราะเป็นลาภมิควรได้