กมธ.ยกร่างฯ ยันร่าง รธน.ใหม่วางมาตรการแก้ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อน พ.ค. 57 ทำโครงสร้างทางการเมืองให้เข้มแข็ง ป้องกันการทุจริต ขณะที่ คปป.ใช้อำนาจพิเศษได้เมื่อบ้านเมืองวิกฤต มั่นใจ สปช.ส่วนใหญ่เห็นชอบ
นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า ในการร่างรัฐธรรมนูญต้องอ้างอิงจากรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ที่กำหนดให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องวางกติกาของบ้านเมืองให้รัดกุม เหมาะสม ป้องกันและตรวจสอบการทุจริต การใช้อำนาจรัฐไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และให้ส่งมอบภารกิจให้ผู้แทนราษฎรและคณะรัฐบาลดำเนินการต่อ นอกจากนี้ยังต้องมีกลไกกำกับ ควบคุม ไม่ให้ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาหรือศาลมีคำส่งว่าการกระทำการทุจริตประพฤติมิชอบ ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง
“ต้องมีกลไกป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและประเทศชาติ ซึ่งข้อกำหนดเหล่านี้ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเขียนเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ ทั้งการมีศาลวินัยการเงินการคลัง การวางมาตรการป้องกันคนไม่ดีเข้ามาดำรงตำแหน่งการเมือง และการวางโครงสร้างทางการเมืองให้เข้มแข็ง ให้ฝ่ายค้านมาทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรและให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการชุดต่างๆ”
นายมานิจกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยต่อการกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในร่างรัฐธรรมนูญว่า สปช.และกลุ่มการเมืองไม่ควรจะกลัวเกินกว่าเหตุ เนื่องจาก คปป.จะใช้อำนาจได้เมื่อบ้านเมืองเกิดวิกฤตและการเขียนไว้การทำงานของระบบต่างๆ เป็นไปอย่างถูกต้อง อีกทั้งหน้าที่หลักของ คปป.คือการขับเคลื่อนการปฏิรูปและสร้างความปรองดองหากบ้านเมืองไม่มีปัญหาก็ไม่จำเป็นที่ คปป.จะต้องใช้อำนาจเข้ามาแก้วิกฤต ทุกอย่างสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ
“ยืนยันว่าสิ่งที่ กมธ.ยกร่างฯ ทำหน้าที่มาตลอดคือการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อวางมาตรการการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 จึงจำเป็นต้องวางรูปแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมในช่วงการเปลี่ยนผ่านและเท่าที่พูดคุยกับสมาชิก สปช.หลายคนมั่นใจว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านการรับรองจาก สปช.ส่วนใหญ่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบการล็อบบี้ให้สนับสนุนหรือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และนายกรัฐมนตรีพูดมาตลอดให้เป็นการตัดสินใจของ สปช.”
