“บัวแก้ว” ไม่ยืนยัน “วรรณา” ที่ถูกหมายจับ พำนักอยู่ในตุรกีจริงหรือไม่ ยันเห็นเพียงข่าวสัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างประเทศเท่านั้น รอฝ่ายสืบสวนดำเนินการ แต่กระทรวงฯพร้อมสนับสนุนด้าน สถานทูตในอังการา รับยังไม่มีการติดต่อจา “วรรณา” แต่อย่างใด ระบุทางการทุกประเทศร่วมมือไทยเต็มที่ เผยคำสัมภาษณ์ “วรรณา” ผ่านสื่อ ตปท.พร้อมกลับไทย ร้องรัฐการันตีความปลอดภัย
วันนี้ (2 ก.ย.) นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในไทยอย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้ แต่ยืนยันว่าทุกประเทศพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่
ส่วนกรณีของ น.ส.วรรณา สวนสัน ผู้ต้องสงสัยอีก 1 รายที่ถูกออกหมายจับซึ่งระบุว่าอาศัยอยู่ที่ประเทศตุรกี นายเสข กล่าวว่า ไม่สามารถยืนยันได้ เพราะขณะนี้ปรากฏเพียงข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของเจ้าตัวเท่านั้น แต่ทราบว่า น.ส.วรรณาได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว จึงเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจะดีกว่า
มีรายงานว่า ตามกระแสข่าวที่ระบุว่า น.ส.วรรณาจะติดต่อเข้ามอบตัวกับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา ประเทศตุรกีนั้น นายธฤต จรุงวัฒน์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอังการา ประเทศตุรกี กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก น.ส.วรรณา แต่อย่างใด
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สำนักข่าวเอเอฟพี และสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่าตนจะเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วพร้อมกับลูกวัย 8 เดือน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ขอให้ทางการยืนยันเรื่องความปลอดภัย และขอให้มีทนายความอยู่ด้วย โดยตนจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น เพราะหากพูดมากไปคงไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนสามีคงไม่ได้เดินทางกลับมาด้วย ทั้งนี้ตนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ คิดว่าจะได้รับความยุติธรรม และความปลอดภัย
น.ส.วรรณากล่าวอีกว่า เคยเปิดห้องพักรายเดือนที่อพาร์ตเมนต์ ถนนเชื่อมสัมพันธ์ 11 ย่านหนองจอกจริง แต่เป็นการเปิดเพื่อสามีของเพื่อนที่ต้องการอยู่ในไทยประมาณ 1-2 เดือน จึงเป็นคนลงนามรับรองให้มีการเปิดอพาร์ตเมนต์ให้ แต่จากนั้นนานนับ 1 ปีตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรด้วยจึงไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนมือหรือมีการทำสัญญาอะไรใหม่หรือไม่ ทั้งนี้ตนได้เห็นใบหน้าชายที่ถูกออกหมายจับอีกคนแล้วแต่ไม่รู้จักกันมาก่อน
สำหรับกรณีที่มีภาพว่าตนเดินทางออกนอกประเทศกับชายคนหนึ่งซึ่งมีหน้าตาคล้ายผู้ต้องสงสัยนั้น คือสามีของตนเองที่เป็นชาวตุรกี นับแต่เกิดข่าวได้พูดคุยกับสามีซึ่งตอนแรกสามีก็รู้สึกโกรธที่มีการเชื่อมโยงมาถึง แต่สักพักก็เข้าใจ แม้กระทั่งช่วงที่ตุรกีมีการชุมนุมประท้วงประเทศไทย แต่สามีของตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมหรือร่วมชุมนุมด้วย
“ก่อนเดินทางมายังตุรกีได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ย่านรามคำแหง และการเดินทางมาตุรกีครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยตั้งใจจะไปทำงาน เมื่อตั้งตัวได้ก็จะกลับไทยไปอยู่บ้านที่ จ.พังงา” น.ส.วรรณากล่าวผ่านสื่อต่างประเทศ