มือระเบิดรับจ้างข้ามชาติ !?

เกาะกระแส


00 เริ่มขยายผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยในคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรหมแยกราชประสงค์และสะพานสาทรไปได้เรื่อยๆ หลังจากมีการจับกุมชายต่างชาติพร้อมอุปกรณ์ที่สามารถใช้ประกอบระเบิดได้จำนวนหนึ่งที่อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งย่านหนองจอก เมื่อวันก่อน แล้วนำไปควบคุมตัวโดยฝ่ายทหารก่อนตามขั้นตอน และล่าสุดวันที่ 1 ก.ย.จากการเปิดเผยของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ.ระบุว่าผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวต่างชาติได้ยอมเปิดเผยชื่อผู้ร่วมขบวนการแล้วสองสามราย แต่ยังไม่ยอมบอกถึงผู้บงการหรือใช้คำว่า"ผู้จ้างวาน"ว่าเป็นใคร และนั่นอาจเป็นสาเหตุของการออกหมายจับตามมาก็ได้

00 หากเป็นแบบนี้ก็ถือว่าคดีมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งมีการจับกุมเพิ่มเติมก็น่าจะขยายติดตามเครือข่ายได้เพิ่มขึ้น แต่ที่น่าสังเกตก็คือคำพูดของ ผบ.ทบ.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติยังไม่ยอมเปิดเผยผู้"จ้างวาน"ว่าเป็นใคร นี่สิมันน่าคิด ถ้าเป็นแบบนี้มันก็เข้าข่าย"มือระเบิดรับจ้าง"อย่างนั้นหรือ เพราะถ้าเป็นแบบนี้จริงมันก็ถือว่าเป็น"เรื่องใหม่"สำหรับเมืองไทยจริงๆ เพราะที่ผ่านมาที่เรารับรู้กันก็คือมีแต่"มือปืนรับจ้าง" แต่"มือระเบิดรับจ้าง"ยังไม่คุ้นจริงๆ แต่ทีนี้มันก็น่าสนใจตรงที่ "ใครเป็นคนจ้าง"และ"ทำไมถึงจ้าง" !!

00 จับต้นชนปลายจากคำพูดของ ผบ.ตร.พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ระบุแนวโน้มสาเหตุการก่อเหตุว่ามาจากเรื่อง"การเจ็บแค้นแทนเพื่อน"มีการพูดไปถึงพรรคพวกที่ถูกจับกุม ถูกกวาดล้างเหมือนจะให้น้ำหนักไปที่ขบวนการค้ามนุษย์ แต่ก็ยังไม่พูดให้ชัด และก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บแค้นแบบที่ต้องก่อเหตุรุนแรงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในไทย

00 แต่เมื่อยืนยันมาตั้งแต่แรกแล้วว่า"ไม่ใช่ก่อการร้ายข้ามชาติ" ก็ต้องพุ่งมาที่"ก่อการร้ายในชาติ"ซึ่งก็มีไม่กี่กลุ่ม เช่น ในชายแดนใต้ สองชายแดนใต้กับกลุ่มสูญเสียอำนาจ และสามพวกกลุ่มอำนาจเก่า หรือสี่พวกขบวนการค้ามนุษย์ ก็ต้องรอติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะในเมื่อยืนยันเป็นเสียงเดียวว่าไม่ใช่ข้ามชาติ ก็ว่ากันไป แต่"มือระเบิดรับจ้างข้ามชาติ"เพิ่งเคยเห็นนี่แหละ !!

00 เริ่มประชุม"เต็มทีม"ครั้งแรกสำหรับ"ทีมเศรษฐกิจ"ชุดใหม่ที่นำโดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสามเดือน ก่อนที่จะเสนอเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบในวันอังคารที่ 1 ก.ย.นี้ เรียกว่าทำงานกันเร็วมีการ"ทำการบ้าน"มาก่อนล่วงหน้า มาถึงก็จัดการเลย ดังนั้นงานนี้ถือว่า"วัดดวง"ทั้ง สมคิด ทั้ง"หัวหน้าทีมใหญ่"คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.เพราะเทหมดหน้าหนัก พลาดอีกไม่ได้ ถ้าพลาดก็หมดเวลาแล้ว อย่างไรก็ดีเมื่อเป้าหมายหวนกลับสู่"รากหญ้า"ในชนบทที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ "กลไกสำคัญที่สุด"ก็คือ"มหาดไทย" ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ตามยุทธศาสตร์ใหม่ นอกจากตัว สมคิด แล้วก็ต้องมี มท.1 คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่จะเป็นคน"รับงาน"ไปขับเคลื่อนกับ"ผู้ว่าฯทั่วประเทศ"ให้ต้องปรับตัวรับกับภารกิจใหม่ให้ได้ !!

00 เชื่อว่าอีกไม่นานน่าจะมีการ"ประชุมทางไกล"ซักซ้อมความเข้าใจกันอีกรอบ และแม้ว่าไม่อยากพูดว่าจะซ้ำรอยในยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกแบบ"ผู้ว่าซีอีโอ" แต่คราวนี้ก็จำเป็นต้องกระตุ้นผู้ว่าฯให้เร่งทำงานกระฉับกระเฉงมีบทบาทไม่ต่างจาก"นายกฯน้อย"ในพื้นที่ และต้องวัดผลจากส่วนกลางในระดับรัฐบาลว่ามีความคืบหน้าไปหรือไม่ ทำนองทำดีมีรางวัล เฉื่อยแฉะเช้าชามเย็นชามก็ต้องลงโทษ อะไรประมาณนั้น มันถึงจะได้ผล !!

00 นี่ก็เริ่มหนาวเข้าไปอีกสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกอัยการสูงสุดฟ้องในคดีรับจำนำข้าวฐานใช้อำนาจมิชอบปล่อยปละละเลยทำให้เกิดความเสียหายไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาทล่าสุดศาลฎีกายกคำร้องที่อ้างว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่มีอำนาจพิจารณาคดีโดยขอให้ยื่นคำร้องให้ศาลปกครองพิจารณาก่อน และยกคำร้องกรณีที่อ้างว่าอัยการสูงสุดเพิ่มพยานโดยมิชอบ โดยศาลฎีกาฯได้นัดไต่สวนคู่ความทั้งสองฝ่ายในวันที่ 29 ต.ค.เป็นอันว่าเริ่มเดินหน้าแล้ว !!