“ประวิตร” ประชุมบูรณาการข้อมูลความมั่นคง กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ เผยมีข้อมูลลับ รับมีภัยคุกคาม แจงข้อมูลบึ้มยังมีน้อย ชี้คนสั่งต้องใช้เงินมาก ไม่ใช่ใครทำก็ได้ ขอ ปชช.ร่วมมือ ยัน รบ.เดินหน้าให้พ้นขัดแย้ง รับแบ่งสัดส่วน สปท.ตามข่าว เผยอยากให้มีนัก กม.เลือดใหม่ร่วมเพื่ออนาคต ป้อง “ประยุทธ์” ไม่เคยใช้อำนาจเกินเหตุ
วันนี้ (16 ก.ย.) ทำเนียบฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงว่า เป็นการหารือถึงการบูรณาการฐานข้อมูลด้านความมั่นคงว่ามีอะไรบ้าง แต่ละหน่วยงานมีการเก็บข้อมูลอยู่แล้ว เราก็จะบูรณาการให้เป็นฐานข้อมูลระดับประเทศ เพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศต่อไป ทั้งนี้ก็มีข้อมูลบางอย่างที่เป็นชั้นความลับด้วย ซึ่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะเป็นคนดูและตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา เมื่อถามว่าเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า แน่นอนขณะนี้ภัยคุกคามมีมากและมาในหลายรูปแบบ ซึ่งฐานข้อมูลแต่ละเรื่องจะกำหนดความเร่งด่วนเอาไว้ส่วนจะเอาไปใช้อย่างไรนั้นก็ต้องดูว่าอะไรที่เป็นภัยคุกคามกับประเทศ อะไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และต้องดูว่าฝ่ายบริหารจะเอาไปใช้งานในเรื่องใดบ้าง
เมื่อถามว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ถือเป็นภัยคุกคามใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถือเป็นภัยคุกคามที่มาในหลายรูปแบบ แต่ยังไม่สามารถจำกัดได้หมด สาเหตุอาจจะเป็นการเมือง การค้ามนุษย์ หรือการแก้แค้นก็ได้ ต้องหาว่าตัวละครเป็นใครอยู่ที่ไหนบ้าง เชื่อมโยงกับใครบ้าง ตอนนี้ข้อมูลยังมีอยู่น้อย หากจับได้ก็ต้องมาสอบสวน การดำเนินการต้องมีคนสั่งการจะทำแบบนี้ต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่ใช่ใครก็ทำได้ อาจจะเป็นอาชญากรข้ามชาติ ต้องขอเวลาอย่าเพิ่งไปกำหนดว่าเป็นเพราะอะไร คนที่เสียประโยชน์ต้องเป็นคนทำ เมื่อถามว่าขณะนี้พอเห็นเงาของคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า “ถ้ามันเป็นเงา ผมก็ดูไม่ชัดสิ” ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายาม และได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปดูว่าผู้ต้องสงสัยที่ทางมาเลเซียจับได้คือใคร แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานกลับมา
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการเป็นห่วงว่าถ้าหมดหน้ามรสุม ขบวนการค้ามนุษย์จะกลับเข้ามาว่า ต้องระวังในหลายๆอย่างเพราะประเทศอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จึงต้องได้รับการร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะประชาชน หากได้รับความร่วมมือจากประชาชน รัฐบาลก็สามารถทำงานได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าความขัดแย้งยังอยู่มันก็ลำบาก เพราะต้องแก้ปัญหาภายในจะเดินหน้าไปไม่ได้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าไปให้ได้เพื่อให้ประเทศหลุดพ้น
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อถึงการแต่งตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่ามีการแบ่งสัดส่วนตามที่เป็นข่าวออกมา มีทั้งทหาร 50 คน อดีต สปช.60 คน รวมถึงมีส่วนของนักการเมืองนักวิชาการเข้ามาด้วย ขณะนี้ก็ได้ให้ฝ่ายการเมืองเสนอรายชื่อบุคคลเข้ามาแล้ว จากนั้นจะคัดเลือกเอาแค่พอประมาณ ทั้งนี้ก็อยากให้มีนักกฎหมายรุ่นใหม่ๆ เข้ามาด้วยเพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องของอนาคต และนายกฯ ก็ได้ยืนยันแล้วถึงการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เมื่อถามว่าทูตสหรัฐอเมริกา และอังกฤษมีความเป็นห่วงเรื่องประชาธิปไตยในประเทศไทย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อย่างที่เป็นอยู่ก็ดีที่สุดแล้ว เราทำให้เกิดความสงบและพยายามทำให้เกิดประชาธปิไตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เคยใช้อำนาจเกินเหตุ แต่การที่มีนักการเมืองออกมาพูดจาให้ร้ายทำแบบนี้ไม่ได้ ในช่วงนี้ปล่อยให้เราได้วางพื้นฐานในการสร้างประเทศให้เกิดความมั่นคง